วันศุกร์, ธันวาคม 08, 2549

บริการของธนาคาร

หลายวันก่อนมีเหตุต้องทำธุระกับธนาคาร 3 แห่งรวด

ที่แรกที่ไปคือธนาคารกสิกรไทย ตอนไปถึงไม่มีคิวรอ แต่มีผู้ใช้บริการอยู่ที่เคานเตอร์ที่เปิดอยู่สองช่อง
ช่องหนึ่งลูกค้าเอาเงินสดมาฝากก้อนใหญ่ คงจะหลายแสน พนักงานนับอยู่หลายรอบ ทั้งเอาเข้าเครื่องปั่นทั้งนับมือ ไม่รู้ว่าเสียเวลาทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เฉพาะที่ยืนรออยู่ก็ประมาณ 10 นาที ถือว่าเป็นรายการที่ยาวนานสำหรับคนรอทีเดียว
รออยู่สักพักก็พบว่าอีกเคานเตอร์หนึ่งนั้น พนักงานยังไม่ได้ทำรายการให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่จัดการกับอะไรสักอย่าง แล้วบอกลูกค้าคนนั้นให้ไปทำช่องนับเงินแสนช่องนั้น เท่ากับว่ามีเปิดให้บริการเพียงช่องเดียว

เวลาผ่านไป 10 นาที มีคนมาต่อคิวเพิ่มเป็น 5-6 คน หลายคนในคิว(รวมทั้งผม)เริ่มกระสับกระส่าย เพราะต้องไปธุระแบงค์อื่นต่อให้ทัน 15:30

ถึงตอนนี้มีพนักงานอีกคนมานั่งแล้ววางป้าย "โปรดใช้บริการช่องถัดไป" พร้อมกับลงมือเคลียร์เอกสารอะไรปึกหนึ่ง คนในคิวมองด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สถานการณ์เป็นอย่างนั้นอีกหลายนาที เวลาตอนนั้นก็ 15:20 เข้าไปแล้ว

ผมตัดสินใจเดินไปที่พนักงานคนนั้นแล้วบอกว่า
"พอจะเปิดให้บริการอีกช่องนึงได้มั้ยครับ คนรอกันเยอะแล้ว งานที่คุณทำก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร รอไปทำหลังสามโมงครึ่งได้ไหม"
พนักงานคนนั้นยิ้มอายๆแล้วบอกว่า "ได้ครับ"

ผมจัดการธุระของตัวเองเสร็จ แล้วเผ่นไปแบงค์กรุงเทพที่อยู่ใกล้ๆกัน ทันเวลาปิดอย่างหวุดหวิดทีเดียว

ที่แบงค์กรุงเทพ คนรอคิวกันเยอะ เคาน์เตอร์เปิดอยู่ 4 ช่อง ช่องหนึ่งเป็นช่องทางด่วนสำหรับคนทำรายการเดียว ผมเข้าไปยืนรอเป็นคิวที่ 6

สังเกตว่าที่นี่ทำงานกันค่อนข้างช้า คนที่ยืนรอหลายคนแอบบ่น
"ทำไมนานจัง"
ผมก็รู้สึกว่าช้ามากเหมือนกัน แต่อย่างน้อยการที่เห็นพนักงานยังบริการอยู่ ย่อมให้ความรู้สึกที่ดีกว่าอีกแบงค์ที่เพิ่งผ่านมาอยู่มากทีเดียว
ถึงเวลา 15:30 เป๊ะ พนักงานก็ไปปิดประตู ได้ยินเสียงบ่นว่ากุญแจไม่รู้อยู่ไหน ระหว่างที่พนักงานคนนั้นยืนรอกุญแจอยู่นั่นแหละ ด็มีลูกค้าธนาคารคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา
"ธนาคารปิดแล้วนะครับ เลยเวลาแล้ว" พนักงานคนนั้นบอกลูกค้าที่ไม่พูดไม่จาอะไร มองหน้าพนักงานแต่ก็ยังเดินเข้ามาอยู่ดี (ก็ประตูยังเปิดอยู่นี่หว่า) แต่ดูสีหน้าแล้วตีความได้ว่า
"มึงบ้าหรือเปล่า"
หรือแค่เป็นเสียงสะท้อนจากใจผมเองก็ไม่รู้
แต่คำที่หูได้ยินจริงๆสนุกกว่านั้นเยอะ
"รีบไปเอากุญแจมาล็อคเร็วๆสิ เปิดอยู่อย่างนี้คนก็จะเข้ามากันตามสบาย"
พนักงานคนที่ยืนตรงประตูนั่นแหละพูด ผมเหวอเลย และเชื่อว่าลูกค้าคนอื่นที่ได้ยินเสียงกัมปนาทนั่นก็ต้องเหวอด้วยเหมือนเกิน ส่วนลูกค้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นคงไม่เหวอ แต่คง "ว้าก" อยู่ในใจ

จบธุระจากแบงค์กรุงเทพ ผมมุ่งหน้าไปแบงค์ไทยพาณิชย์ คราวนี้ไม่รีบร้อน เพราะเป็นสาขาย่อยที่อยู่ในห้าง

"สวัสดีค่ะ ทำธุระอะไรหรือคะ" จำได้ว่าพนักงานคนนึงมาถามคล้ายๆอย่างนี้ตั้งแต่ผมก้าวเข้าไปในบูธเล็กๆของสาขาย่อยนั้น
ที่นี่ลูกค้าเยอะ คิวสั้น และทำรายการเร็วมาก ถึงจะดูวุ่นวายเพราะพื้นที่แคบ แต่รู้สึกได้เลยถึงความตั้งใจของพนักงาน และระบบงานที่ดีของธนาคาร
"บริการดีมากนะครับ ดีกว่าธนาคารอื่นมากเลย" ผมออกปากชมหลังจากที่ได้รับบริการเสร็จสิ้น
"ค่ะ แต่ลูกค้าก็เยอะค่ะ" พนักงานพูดอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกได้เลยว่าเธอหมายถึงการที่ธนาคารกำหนดมาตรฐานการบริการไว้สูง ลูกค้ารายย่อยก็จะมาใช้บริการของไทยพาณิชย์กันมากจนพนักงานเหนื่อยกัน

มองในเชิงธุรกิจ ไม่รู้เหมือนกันว่าผมประโยชน์จากธุรกิจของลูกค้าย่อยแบบนี้จะคุ้มค่าการลงทุนปรับปรุงบริการหรือไม่ (ได้ข่าวว่ามีการจ้างบริษัทมาสุ่มตรวจสอบฟีดแบ็คจากลูกค้าด้วย)

แต่มองในแง่ภาพพจน์ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ผมสังเกตว่าถ้าวันไหนคนไม่เยอะ พนักงานจะชักชวนซื้อผลิตภัณฑ์บริการทางการเงินต่างๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้สึกรังเกียจเลย และยินดีจะช่วยซื้อหากตรงกับความต้องการพอดี

ผมเห็นว่าการลงทุนสร้างภาพพจน์ของไทยพาณิชย์นั้นประสบผลสำเร็จครับ และจะมีผลกับธุรกิจโดยรวมด้วย

สมัยนี้ การโฆษณาว่า"เราดี" ถือว่าหมดสมัยแล้ว ต้องแสดงให้ดูว่าเราดีอย่างไร
ที่เหลือลูกค้าจะช่วยโฆษณาให้เอง

ต่อทะเบียนรถแบบไดรฟ์อิน

เคยเขียนถึงการต่อทะเบียนรถมาครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว http://crazyhorse-th.blogspot.com/2004/08/blog-post.html

สองเดือนที่แล้วไปมาอีกครั้ง พบว่าคนรอเยอะขึ้น ระบบการจัดการดูจะแย่กว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ต้องรออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง แต่เทียบกับยุคก่อนที่จะมีการปรับปรุง ก็ยังถือว่าดีกว่ามาก

วันนี้ไปมาอีกครั้ง เจอบริการใหม่ ต่อทะเบียนรถแบบไดรฟ์อิน
เมื่อขับเข้าไปในขนส่งนนทบุรี จะมีป้ายบอกให้ขับเข้าไปต่อทะเบียนแบบไดรฟ์อิน โดยจำกัดเฉพาะผู้จะต่อทะเบียนรถเพียงคันเดียวเท่านั้น
หน้าตาของช่องต่อทพเบียนจะคล้ายๆช่องเก็บเงินทางด่วน โดยจะมีสองช่อง ตอนที่เข้าไปนั้นเปิดอยู่ช่องเดียว และไม่มีคิวรออยู่เลย
เบ็ดเสร็จใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีนับจากหยุดรถข้างตู้บริการ แก้ปัญหาที่เจอเมื่อสองเดือนที่แล้วได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ถือเป็นบริการที่สุดยอด ต้องยกนิ้วให้ผู้บริหารที่คิดปรับปรุงการบริการแบบนี้ เพราะทางหน่วยงานเองก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากมาย ผู้ใช้บริการไม่ต้องวนหาที่จอดรถ ในขณะเดียวกันเท่ากับแยกคิวผู้ใช้บริการรายการเดียวออกมาเหมือนธนาคารบางแห่ง

ถ้าจะให้โหวตหน่วยงานบริการของรัฐยอดเยี่ยม จะขอโหวตให้กรมการขนส่งทางบกโดยไม่ลังเลเลย

ยอดเยี่ยมมากครับ

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 07, 2549

โองการแช่งน้ำ

โองการแช่งน้ำ (ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า) ฉบับกรมศิลปากร ๒๕๒๙
(จาก โองการแช่งน้ำ ฉบับ ไมเคิล ไรท์ โดยมติชน)

๏ โอมสิทธิสรวงศรีแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเป็นแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน บินเอาครุฑมาขี่ สี่มือถือสังข์จักรคธาธรณี ภีรุอวตาร อสูรแลงลาญทัก ททัคนิจรนาย ฯ (แทงพระแสงศรปลัยวาต)

๏ โอมปรเมศวรา ผายผาหลวงอะคร้าว ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง อ้างทัดจันทร์เป็นปิ่น ทรงอินทรชฎา สามตาพระแพร่ง แกว่งเพชรกล้า ฆ่าพิฆนจัญไร ฯ (แทงพระแสงศรอัคนิวาต)

๏ โอมชัยชัยไขโสฬสพรหมญาณ บานเศียรเกล้า เจ้าคลี่บัวทอง ผยองเหนือขุนห่าน ท่านรังก่อดินก่อฟ้า หน้าจตุรทิศ ไทยมิตรดา มหากฤตราไตร อมไตยโลเกศ จงตรีศักดิท่าน พิญาณ ปรมาธิเบศ ไทธเรศสุรสิทธิพ่อ เสวยพรหมาณฑ์ใช่น้อย ประถมบุญภารดิเรก บูรภพบรู้กี่ร้อย ก่อมา ฯ (แทงพระแสงศรพรหมาศ)

๏ นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่อไหม้
กล่าวถึงตระวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดหาย ฯ
๏ เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็นไฟ วาบจัตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็นเผ้า แลบ่ล้ำสีลอง ฯ
๏ สามรรถญาณครเพราะเกล้าครองพรหม ฝูงเทพนองบนปานเบียดแป้ง
สรลมเต็มพระสุธาวาสแห่งหั้น ฟ้าแจ้งจอดนิโรโธ ฯ
๏ กล่าวถึงน้ำฟ้าฟาดฟองหาว ดับเดโชฉ่ำหล้า
ปลาดินดาวเดือนแอ่น ลมกล้าป่วนไปมา ฯ
๏ แลเป็นแผ่นเมืองอินทร์ เมืองธาดาแรกตั้ง
ขุนแผนแรกเอาดินดูที่ ทุกยั้งฟ้าก่อคืน ฯ
๏ แลเป็นสี่ปวงดิน เป็นเขายืนทรง้ำหล้า
เป็นเรือนอินทร์ถาเถือก เป็นสร้อยฟ้าคลี่จึ่งบาน ฯ
๏ จึ่งเจ้าตั้งผาเผือกผาเยอ ผาหอมหวานจึ่งขึ้น
หอมอายดินเลอก่อน สรดึ้นหมู่แมนมา ฯ
๏ ตนเขาเรืองร่อนหล้าเลอหาว หาวันคืนไป่ได้
จ้าวชิมดินแสงหล่น เพียงดับไต้มืดมูล ฯ
๏ ว่นว่นตาขอเรือง เป็นพระสูรย์ส่องหล้า
เป็นเดือนดาวเมืองฉ่ำ เห็นฟ้าเห็นแผ่นดิน ฯ
๏ แลมีค่ำมีวัน กินสาลีเปลือกปล้อน
บมีผู้ต้อนแต่งบรรณา เลือกผู้ยิ่งยศเปนราชาอะคร้าว
เรียกนามสมมติราชเจ้า จึ่งตั้งท้าวเจ้าแผ่นดิน ฯ
๏ สมมติแกล้วตั้งอาทิตย์เดิมกัลป์ สายท่านทรงธรณินทร์เรื่อยหล้า
วันเสาร์วันอังคารวันไอยอาทิ์ กลอยแรกตั้งฟ้ากล่าวแช่งผี ฯ
๏ เชืยกบาศด้วยชันรอง ชื่อพระกำปู่เจ้า
ท่านรังผยองมาแขก แรกตั้งขวัญเข้าธูปเทียน ฯ
๏ เหล็กกล้าหญ้าแพรกบั้นใบตูม เชียรเชียรใบบาตรน้ำ
โอมโอมภูมิเทเวศ สืบค้ำฟ้าเที่ยงเฮยย่ำเฮย ฯ
๏ ผู้ใดเภทจงคด พาจกจากซึ่งหน้า
ถือขันสรดใบพลูตานเสียด หว้ายชั้นฟ้าคู่แมน ฯ
๏ มารเฟียดไททศพล ช่วยดู ไตรแดนจักอยู่ค้อย
ธรรมมารคปรตเยกช่วยดู ห้าร้อยเฑียรแมนเดียว ฯ
๏ อเนกถ่องพระสงฆ์ช่วยดู เขียวจรรยายิ่งได้
ขุนหงส์ทองเกล้าสี่ช่วยดู ชรอ่ำฟ้าใต้แผ่นหงาย ฯ
๏ ฟ้าฟัดพรีใจยังช่วยดู ใจตายตนบใกล้
สี่ปวงผีหาวแห่งช่วยดู พื้นใต้ชื่อกามภูมิ ฯ
๏ ฟ้าชรแร่งหกคลองช่วยดู ครูมคลองแผ่นช้างเผือก
ผีกลางหาวหารแอ่นช่วยดู เสี่ยงเงือกงูวางขึ้นลง ฯ
๏ ฟ้ากระแฉ่นเรือนผยองช่วยดู เอาธงเป็นหมอกหว้าย
เจ้าผาดำสามเส้าช่วยดู แสนผีพึงยอมท้าว
๏ เจ้าผาดำผาเผือกช่วยดู หันเหย้าวปู่สมิงพราย ฯ
เจ้าผาหลวงผากลายช่วยดู ฯ
๏ ดีร้ายบอกคนจำ ผีพรายผีชรหมื่นดำช่วยดู
กำรูคลื่นเป็นเปลว บซื่อน้ำตัดคอ ฯ
๏ ตัดคอเร็วให้ขาด บซื่อมล้างออเอาใส่เล้า
บซื่อน้ำหยาดท้องเป็นรุ้ง บซื่อแร้งกาเต้าแตกตา ฯ
๏ เจาะเพาะพุงใบแบ่ง บซื่อหมาหมีเสือเข่นเขี้ยว
เขี้ยวชาชแวงยายี ยมราชเกี้ยวตาตาวช่วยดู ฯ
๏ ชื่อทุณพีตัวโตรด ลมฝนฉาวทั่วฟ้าช่วยดู
ฟ้าจรโลดลิวขวาน ขุนกล้าแกล้วขี่ยูงช่วยดู ฯ
๏ เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม สิบหน้าเจ้าอสูรช่วยดู
พระรามพระลักษณชวักอร แผนทูลเขาเงือกปล้ำช่วยดู ฯ

๏ ปล้ำเงี้ยวรอนราญรงค์ ผีดงผีหมื่นถ้ำ ล้ำหมื่นผา มาหนน้ำหนบก ตกนอกขอกฟ้าแมน แดนฟ้าตั้งฟ้าต่อ ล่อหลวงเต้า ทั้งเหง้าภูติพนัสบดี ศรีพรหมรักษ์ยักษ์กุมาร หลายบ้านหลายเท่า ล้วนผีห่าผีเหว เร็วยิ่งลมบ้า หน้าเท่าแผง แรงไกยเอาขวัญ ครั้นมาถึงถับเสียงเยียชระแรงชระแรง แฝงข่าวยินเยียรชระรางชระราง รางชางจุบปาก เยียจะเจียวจะเจียว เขี้ยวสรคาน อานมลิ้น เยียละลายละลาย ตราบมีในฟ้าในดิน บินมาเยียพพลุ่ง จุ่งมาสูบเอา เขาผู้บซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถเกียจกาย วายกระทู้ฟาดฟัด ควานแควนมัดศอก หอกดิ้นเด้าเท้าถก หลกเท้าให้ไปมิทันตาย หงายระงมระงม ยมบาลลากไป ไฟนรกปลาบปลิ้นดิ้นพลาง เขาวางเหนืออพิจี ผู้บดีบซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถแก่เจ้า ผู้ผ่านเกล้าอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหา จักรพรรดิศรราชาธิราช ท่านมีอำนาจมีบุญ คุณอเนกา อันอาศัยร่ม แลอาจข่มชัก หักกิ่งฆ่า อาจถอนด้วยฤทธานุภาพ บาปเบียนตน พันธุ์พวกพ้อง ญาติกามาไส้ร ไขว้ใจจอด ทอดใจรัก ชักเกลอสหาย ตนทั้งหลายมาเพื่อจะทำขบถ ทดโทรห แก่เจ้าตนไส้ร จงเทพยุดาฝูงนี้ให้ตายในสามวัน อย่าให้ทันในสามเดือน อย่าให้เคลื่อนในสามปี อย่าให้มีสุขสวัสดีเมื่อใด อย่ากินเข้าเพื่อไฟจนตาย ฯ

๏ จงไปเป็นเปลวปล่อง อย่าอาไศรยแก่น้ำจนตาย
น้ำคลองกลอกเป็นพิษ นอนเรือนคำรนคาจนตาย ฯ
๏ คาบิดเปนตาวงุ้ม ลืมตาหงายสู่ฟ้าจนตาย
ฟ้ากระทุ่มทับลง ก้มหน้าลงแผ่นดินจนตาย
แล่งแผ่นดินปลงเอาชีพไป สีลองกินไฟต่างง้วน ฯ

๏ จรเข้ริบเสือฟัด หมีแรดถวัดแสนงขนาย หอกปืนปลายปักครอบใครต้องจอบจงตาย งูเงี้ยวพิษทั้งหลายลุ่มฟ้า ตายต่ำหน้ายังดิน นรินทรหยาบหลายหล้า ใครกวินซื่อแท้ผ่านฟ้า ป่าวอวยพร ฯ

๏ อำนาจแปล้เมือแมนอำมรสิทธิ มีศรีบุญพ่อก่อเศกเหง้า
ยศท้าวตริไตรจักร ใครซื่อเจ้าเติมนาง ฯ
๏ มิ่งเมืองบุญศักดิ์แพร่ ใครซื่อรางควายทอง
เพิ่มช้างม้าแผ่วัวควาย ใครซื่อฟ้าส่องย้าวเร่งยิน ฯ
๏ เพรงรัตนพรายพรรณยื่น ใครซื่อสินเภตรา
เพิ่มเข้าหมื่นมหาไชย ใครซื่อใครรักเจ้าจงยศ ฯ
๏ กลืนชนมาให้ยืนยิ่ง เทพายศล่มฟ้า
อย่ารู้ว่าอันตราย ใจกล้าได้ดังเพชร ฯ

๏ ขจายขจรอเนกบุญ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิศรราชเรื่อยหล้า สุขผ่านฟ้าเบิกสมบูรณ์พ่อสมบูรณ์ ฯ