วันศุกร์, ธันวาคม 08, 2549

บริการของธนาคาร

หลายวันก่อนมีเหตุต้องทำธุระกับธนาคาร 3 แห่งรวด

ที่แรกที่ไปคือธนาคารกสิกรไทย ตอนไปถึงไม่มีคิวรอ แต่มีผู้ใช้บริการอยู่ที่เคานเตอร์ที่เปิดอยู่สองช่อง
ช่องหนึ่งลูกค้าเอาเงินสดมาฝากก้อนใหญ่ คงจะหลายแสน พนักงานนับอยู่หลายรอบ ทั้งเอาเข้าเครื่องปั่นทั้งนับมือ ไม่รู้ว่าเสียเวลาทั้งหมดเท่าไหร่ แต่เฉพาะที่ยืนรออยู่ก็ประมาณ 10 นาที ถือว่าเป็นรายการที่ยาวนานสำหรับคนรอทีเดียว
รออยู่สักพักก็พบว่าอีกเคานเตอร์หนึ่งนั้น พนักงานยังไม่ได้ทำรายการให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่จัดการกับอะไรสักอย่าง แล้วบอกลูกค้าคนนั้นให้ไปทำช่องนับเงินแสนช่องนั้น เท่ากับว่ามีเปิดให้บริการเพียงช่องเดียว

เวลาผ่านไป 10 นาที มีคนมาต่อคิวเพิ่มเป็น 5-6 คน หลายคนในคิว(รวมทั้งผม)เริ่มกระสับกระส่าย เพราะต้องไปธุระแบงค์อื่นต่อให้ทัน 15:30

ถึงตอนนี้มีพนักงานอีกคนมานั่งแล้ววางป้าย "โปรดใช้บริการช่องถัดไป" พร้อมกับลงมือเคลียร์เอกสารอะไรปึกหนึ่ง คนในคิวมองด้วยสีหน้าที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูก สถานการณ์เป็นอย่างนั้นอีกหลายนาที เวลาตอนนั้นก็ 15:20 เข้าไปแล้ว

ผมตัดสินใจเดินไปที่พนักงานคนนั้นแล้วบอกว่า
"พอจะเปิดให้บริการอีกช่องนึงได้มั้ยครับ คนรอกันเยอะแล้ว งานที่คุณทำก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร รอไปทำหลังสามโมงครึ่งได้ไหม"
พนักงานคนนั้นยิ้มอายๆแล้วบอกว่า "ได้ครับ"

ผมจัดการธุระของตัวเองเสร็จ แล้วเผ่นไปแบงค์กรุงเทพที่อยู่ใกล้ๆกัน ทันเวลาปิดอย่างหวุดหวิดทีเดียว

ที่แบงค์กรุงเทพ คนรอคิวกันเยอะ เคาน์เตอร์เปิดอยู่ 4 ช่อง ช่องหนึ่งเป็นช่องทางด่วนสำหรับคนทำรายการเดียว ผมเข้าไปยืนรอเป็นคิวที่ 6

สังเกตว่าที่นี่ทำงานกันค่อนข้างช้า คนที่ยืนรอหลายคนแอบบ่น
"ทำไมนานจัง"
ผมก็รู้สึกว่าช้ามากเหมือนกัน แต่อย่างน้อยการที่เห็นพนักงานยังบริการอยู่ ย่อมให้ความรู้สึกที่ดีกว่าอีกแบงค์ที่เพิ่งผ่านมาอยู่มากทีเดียว
ถึงเวลา 15:30 เป๊ะ พนักงานก็ไปปิดประตู ได้ยินเสียงบ่นว่ากุญแจไม่รู้อยู่ไหน ระหว่างที่พนักงานคนนั้นยืนรอกุญแจอยู่นั่นแหละ ด็มีลูกค้าธนาคารคนหนึ่งผลักประตูเข้ามา
"ธนาคารปิดแล้วนะครับ เลยเวลาแล้ว" พนักงานคนนั้นบอกลูกค้าที่ไม่พูดไม่จาอะไร มองหน้าพนักงานแต่ก็ยังเดินเข้ามาอยู่ดี (ก็ประตูยังเปิดอยู่นี่หว่า) แต่ดูสีหน้าแล้วตีความได้ว่า
"มึงบ้าหรือเปล่า"
หรือแค่เป็นเสียงสะท้อนจากใจผมเองก็ไม่รู้
แต่คำที่หูได้ยินจริงๆสนุกกว่านั้นเยอะ
"รีบไปเอากุญแจมาล็อคเร็วๆสิ เปิดอยู่อย่างนี้คนก็จะเข้ามากันตามสบาย"
พนักงานคนที่ยืนตรงประตูนั่นแหละพูด ผมเหวอเลย และเชื่อว่าลูกค้าคนอื่นที่ได้ยินเสียงกัมปนาทนั่นก็ต้องเหวอด้วยเหมือนเกิน ส่วนลูกค้าคนที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นคงไม่เหวอ แต่คง "ว้าก" อยู่ในใจ

จบธุระจากแบงค์กรุงเทพ ผมมุ่งหน้าไปแบงค์ไทยพาณิชย์ คราวนี้ไม่รีบร้อน เพราะเป็นสาขาย่อยที่อยู่ในห้าง

"สวัสดีค่ะ ทำธุระอะไรหรือคะ" จำได้ว่าพนักงานคนนึงมาถามคล้ายๆอย่างนี้ตั้งแต่ผมก้าวเข้าไปในบูธเล็กๆของสาขาย่อยนั้น
ที่นี่ลูกค้าเยอะ คิวสั้น และทำรายการเร็วมาก ถึงจะดูวุ่นวายเพราะพื้นที่แคบ แต่รู้สึกได้เลยถึงความตั้งใจของพนักงาน และระบบงานที่ดีของธนาคาร
"บริการดีมากนะครับ ดีกว่าธนาคารอื่นมากเลย" ผมออกปากชมหลังจากที่ได้รับบริการเสร็จสิ้น
"ค่ะ แต่ลูกค้าก็เยอะค่ะ" พนักงานพูดอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกได้เลยว่าเธอหมายถึงการที่ธนาคารกำหนดมาตรฐานการบริการไว้สูง ลูกค้ารายย่อยก็จะมาใช้บริการของไทยพาณิชย์กันมากจนพนักงานเหนื่อยกัน

มองในเชิงธุรกิจ ไม่รู้เหมือนกันว่าผมประโยชน์จากธุรกิจของลูกค้าย่อยแบบนี้จะคุ้มค่าการลงทุนปรับปรุงบริการหรือไม่ (ได้ข่าวว่ามีการจ้างบริษัทมาสุ่มตรวจสอบฟีดแบ็คจากลูกค้าด้วย)

แต่มองในแง่ภาพพจน์ ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ผมสังเกตว่าถ้าวันไหนคนไม่เยอะ พนักงานจะชักชวนซื้อผลิตภัณฑ์บริการทางการเงินต่างๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้สึกรังเกียจเลย และยินดีจะช่วยซื้อหากตรงกับความต้องการพอดี

ผมเห็นว่าการลงทุนสร้างภาพพจน์ของไทยพาณิชย์นั้นประสบผลสำเร็จครับ และจะมีผลกับธุรกิจโดยรวมด้วย

สมัยนี้ การโฆษณาว่า"เราดี" ถือว่าหมดสมัยแล้ว ต้องแสดงให้ดูว่าเราดีอย่างไร
ที่เหลือลูกค้าจะช่วยโฆษณาให้เอง

ต่อทะเบียนรถแบบไดรฟ์อิน

เคยเขียนถึงการต่อทะเบียนรถมาครั้งหนึ่งเมื่อสองปีที่แล้ว http://crazyhorse-th.blogspot.com/2004/08/blog-post.html

สองเดือนที่แล้วไปมาอีกครั้ง พบว่าคนรอเยอะขึ้น ระบบการจัดการดูจะแย่กว่าเมื่อสองปีที่แล้ว ต้องรออยู่กว่าครึ่งชั่วโมง แต่เทียบกับยุคก่อนที่จะมีการปรับปรุง ก็ยังถือว่าดีกว่ามาก

วันนี้ไปมาอีกครั้ง เจอบริการใหม่ ต่อทะเบียนรถแบบไดรฟ์อิน
เมื่อขับเข้าไปในขนส่งนนทบุรี จะมีป้ายบอกให้ขับเข้าไปต่อทะเบียนแบบไดรฟ์อิน โดยจำกัดเฉพาะผู้จะต่อทะเบียนรถเพียงคันเดียวเท่านั้น
หน้าตาของช่องต่อทพเบียนจะคล้ายๆช่องเก็บเงินทางด่วน โดยจะมีสองช่อง ตอนที่เข้าไปนั้นเปิดอยู่ช่องเดียว และไม่มีคิวรออยู่เลย
เบ็ดเสร็จใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีนับจากหยุดรถข้างตู้บริการ แก้ปัญหาที่เจอเมื่อสองเดือนที่แล้วได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด

ถือเป็นบริการที่สุดยอด ต้องยกนิ้วให้ผู้บริหารที่คิดปรับปรุงการบริการแบบนี้ เพราะทางหน่วยงานเองก็ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมมากมาย ผู้ใช้บริการไม่ต้องวนหาที่จอดรถ ในขณะเดียวกันเท่ากับแยกคิวผู้ใช้บริการรายการเดียวออกมาเหมือนธนาคารบางแห่ง

ถ้าจะให้โหวตหน่วยงานบริการของรัฐยอดเยี่ยม จะขอโหวตให้กรมการขนส่งทางบกโดยไม่ลังเลเลย

ยอดเยี่ยมมากครับ

วันพฤหัสบดี, ธันวาคม 07, 2549

โองการแช่งน้ำ

โองการแช่งน้ำ (ประกาศแช่งน้ำโคลงห้า) ฉบับกรมศิลปากร ๒๕๒๙
(จาก โองการแช่งน้ำ ฉบับ ไมเคิล ไรท์ โดยมติชน)

๏ โอมสิทธิสรวงศรีแกล้ว แผ้วมฤตยู เอางูเป็นแท่น แกว่นกลืนฟ้ากลืนดิน บินเอาครุฑมาขี่ สี่มือถือสังข์จักรคธาธรณี ภีรุอวตาร อสูรแลงลาญทัก ททัคนิจรนาย ฯ (แทงพระแสงศรปลัยวาต)

๏ โอมปรเมศวรา ผายผาหลวงอะคร้าว ท้าวเสด็จเหนือวัวเผือก เอาเงือกเกี้ยวข้าง อ้างทัดจันทร์เป็นปิ่น ทรงอินทรชฎา สามตาพระแพร่ง แกว่งเพชรกล้า ฆ่าพิฆนจัญไร ฯ (แทงพระแสงศรอัคนิวาต)

๏ โอมชัยชัยไขโสฬสพรหมญาณ บานเศียรเกล้า เจ้าคลี่บัวทอง ผยองเหนือขุนห่าน ท่านรังก่อดินก่อฟ้า หน้าจตุรทิศ ไทยมิตรดา มหากฤตราไตร อมไตยโลเกศ จงตรีศักดิท่าน พิญาณ ปรมาธิเบศ ไทธเรศสุรสิทธิพ่อ เสวยพรหมาณฑ์ใช่น้อย ประถมบุญภารดิเรก บูรภพบรู้กี่ร้อย ก่อมา ฯ (แทงพระแสงศรพรหมาศ)

๏ นานาอเนกน้าวเดิมกัลป์ จักร่ำจักราพาฬเมื่อไหม้
กล่าวถึงตระวันเจ็ดอันพลุ่ง น้ำแล้งไข้ขอดหาย ฯ
๏ เจ็ดปลามันพุ่งหล้าเป็นไฟ วาบจัตุราบายแผ่นขว้ำ
ชักไตรตรึงษ์เป็นเผ้า แลบ่ล้ำสีลอง ฯ
๏ สามรรถญาณครเพราะเกล้าครองพรหม ฝูงเทพนองบนปานเบียดแป้ง
สรลมเต็มพระสุธาวาสแห่งหั้น ฟ้าแจ้งจอดนิโรโธ ฯ
๏ กล่าวถึงน้ำฟ้าฟาดฟองหาว ดับเดโชฉ่ำหล้า
ปลาดินดาวเดือนแอ่น ลมกล้าป่วนไปมา ฯ
๏ แลเป็นแผ่นเมืองอินทร์ เมืองธาดาแรกตั้ง
ขุนแผนแรกเอาดินดูที่ ทุกยั้งฟ้าก่อคืน ฯ
๏ แลเป็นสี่ปวงดิน เป็นเขายืนทรง้ำหล้า
เป็นเรือนอินทร์ถาเถือก เป็นสร้อยฟ้าคลี่จึ่งบาน ฯ
๏ จึ่งเจ้าตั้งผาเผือกผาเยอ ผาหอมหวานจึ่งขึ้น
หอมอายดินเลอก่อน สรดึ้นหมู่แมนมา ฯ
๏ ตนเขาเรืองร่อนหล้าเลอหาว หาวันคืนไป่ได้
จ้าวชิมดินแสงหล่น เพียงดับไต้มืดมูล ฯ
๏ ว่นว่นตาขอเรือง เป็นพระสูรย์ส่องหล้า
เป็นเดือนดาวเมืองฉ่ำ เห็นฟ้าเห็นแผ่นดิน ฯ
๏ แลมีค่ำมีวัน กินสาลีเปลือกปล้อน
บมีผู้ต้อนแต่งบรรณา เลือกผู้ยิ่งยศเปนราชาอะคร้าว
เรียกนามสมมติราชเจ้า จึ่งตั้งท้าวเจ้าแผ่นดิน ฯ
๏ สมมติแกล้วตั้งอาทิตย์เดิมกัลป์ สายท่านทรงธรณินทร์เรื่อยหล้า
วันเสาร์วันอังคารวันไอยอาทิ์ กลอยแรกตั้งฟ้ากล่าวแช่งผี ฯ
๏ เชืยกบาศด้วยชันรอง ชื่อพระกำปู่เจ้า
ท่านรังผยองมาแขก แรกตั้งขวัญเข้าธูปเทียน ฯ
๏ เหล็กกล้าหญ้าแพรกบั้นใบตูม เชียรเชียรใบบาตรน้ำ
โอมโอมภูมิเทเวศ สืบค้ำฟ้าเที่ยงเฮยย่ำเฮย ฯ
๏ ผู้ใดเภทจงคด พาจกจากซึ่งหน้า
ถือขันสรดใบพลูตานเสียด หว้ายชั้นฟ้าคู่แมน ฯ
๏ มารเฟียดไททศพล ช่วยดู ไตรแดนจักอยู่ค้อย
ธรรมมารคปรตเยกช่วยดู ห้าร้อยเฑียรแมนเดียว ฯ
๏ อเนกถ่องพระสงฆ์ช่วยดู เขียวจรรยายิ่งได้
ขุนหงส์ทองเกล้าสี่ช่วยดู ชรอ่ำฟ้าใต้แผ่นหงาย ฯ
๏ ฟ้าฟัดพรีใจยังช่วยดู ใจตายตนบใกล้
สี่ปวงผีหาวแห่งช่วยดู พื้นใต้ชื่อกามภูมิ ฯ
๏ ฟ้าชรแร่งหกคลองช่วยดู ครูมคลองแผ่นช้างเผือก
ผีกลางหาวหารแอ่นช่วยดู เสี่ยงเงือกงูวางขึ้นลง ฯ
๏ ฟ้ากระแฉ่นเรือนผยองช่วยดู เอาธงเป็นหมอกหว้าย
เจ้าผาดำสามเส้าช่วยดู แสนผีพึงยอมท้าว
๏ เจ้าผาดำผาเผือกช่วยดู หันเหย้าวปู่สมิงพราย ฯ
เจ้าผาหลวงผากลายช่วยดู ฯ
๏ ดีร้ายบอกคนจำ ผีพรายผีชรหมื่นดำช่วยดู
กำรูคลื่นเป็นเปลว บซื่อน้ำตัดคอ ฯ
๏ ตัดคอเร็วให้ขาด บซื่อมล้างออเอาใส่เล้า
บซื่อน้ำหยาดท้องเป็นรุ้ง บซื่อแร้งกาเต้าแตกตา ฯ
๏ เจาะเพาะพุงใบแบ่ง บซื่อหมาหมีเสือเข่นเขี้ยว
เขี้ยวชาชแวงยายี ยมราชเกี้ยวตาตาวช่วยดู ฯ
๏ ชื่อทุณพีตัวโตรด ลมฝนฉาวทั่วฟ้าช่วยดู
ฟ้าจรโลดลิวขวาน ขุนกล้าแกล้วขี่ยูงช่วยดู ฯ
๏ เคล้าฟ้าเคลือกเปลวลาม สิบหน้าเจ้าอสูรช่วยดู
พระรามพระลักษณชวักอร แผนทูลเขาเงือกปล้ำช่วยดู ฯ

๏ ปล้ำเงี้ยวรอนราญรงค์ ผีดงผีหมื่นถ้ำ ล้ำหมื่นผา มาหนน้ำหนบก ตกนอกขอกฟ้าแมน แดนฟ้าตั้งฟ้าต่อ ล่อหลวงเต้า ทั้งเหง้าภูติพนัสบดี ศรีพรหมรักษ์ยักษ์กุมาร หลายบ้านหลายเท่า ล้วนผีห่าผีเหว เร็วยิ่งลมบ้า หน้าเท่าแผง แรงไกยเอาขวัญ ครั้นมาถึงถับเสียงเยียชระแรงชระแรง แฝงข่าวยินเยียรชระรางชระราง รางชางจุบปาก เยียจะเจียวจะเจียว เขี้ยวสรคาน อานมลิ้น เยียละลายละลาย ตราบมีในฟ้าในดิน บินมาเยียพพลุ่ง จุ่งมาสูบเอา เขาผู้บซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถเกียจกาย วายกระทู้ฟาดฟัด ควานแควนมัดศอก หอกดิ้นเด้าเท้าถก หลกเท้าให้ไปมิทันตาย หงายระงมระงม ยมบาลลากไป ไฟนรกปลาบปลิ้นดิ้นพลาง เขาวางเหนืออพิจี ผู้บดีบซื่อ ชื่อใครใจคด ขบถแก่เจ้า ผู้ผ่านเกล้าอยุธยา สมเด็จพระรามาธิบดี ศรีสินทรบรมมหา จักรพรรดิศรราชาธิราช ท่านมีอำนาจมีบุญ คุณอเนกา อันอาศัยร่ม แลอาจข่มชัก หักกิ่งฆ่า อาจถอนด้วยฤทธานุภาพ บาปเบียนตน พันธุ์พวกพ้อง ญาติกามาไส้ร ไขว้ใจจอด ทอดใจรัก ชักเกลอสหาย ตนทั้งหลายมาเพื่อจะทำขบถ ทดโทรห แก่เจ้าตนไส้ร จงเทพยุดาฝูงนี้ให้ตายในสามวัน อย่าให้ทันในสามเดือน อย่าให้เคลื่อนในสามปี อย่าให้มีสุขสวัสดีเมื่อใด อย่ากินเข้าเพื่อไฟจนตาย ฯ

๏ จงไปเป็นเปลวปล่อง อย่าอาไศรยแก่น้ำจนตาย
น้ำคลองกลอกเป็นพิษ นอนเรือนคำรนคาจนตาย ฯ
๏ คาบิดเปนตาวงุ้ม ลืมตาหงายสู่ฟ้าจนตาย
ฟ้ากระทุ่มทับลง ก้มหน้าลงแผ่นดินจนตาย
แล่งแผ่นดินปลงเอาชีพไป สีลองกินไฟต่างง้วน ฯ

๏ จรเข้ริบเสือฟัด หมีแรดถวัดแสนงขนาย หอกปืนปลายปักครอบใครต้องจอบจงตาย งูเงี้ยวพิษทั้งหลายลุ่มฟ้า ตายต่ำหน้ายังดิน นรินทรหยาบหลายหล้า ใครกวินซื่อแท้ผ่านฟ้า ป่าวอวยพร ฯ

๏ อำนาจแปล้เมือแมนอำมรสิทธิ มีศรีบุญพ่อก่อเศกเหง้า
ยศท้าวตริไตรจักร ใครซื่อเจ้าเติมนาง ฯ
๏ มิ่งเมืองบุญศักดิ์แพร่ ใครซื่อรางควายทอง
เพิ่มช้างม้าแผ่วัวควาย ใครซื่อฟ้าส่องย้าวเร่งยิน ฯ
๏ เพรงรัตนพรายพรรณยื่น ใครซื่อสินเภตรา
เพิ่มเข้าหมื่นมหาไชย ใครซื่อใครรักเจ้าจงยศ ฯ
๏ กลืนชนมาให้ยืนยิ่ง เทพายศล่มฟ้า
อย่ารู้ว่าอันตราย ใจกล้าได้ดังเพชร ฯ

๏ ขจายขจรอเนกบุญ สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิศรราชเรื่อยหล้า สุขผ่านฟ้าเบิกสมบูรณ์พ่อสมบูรณ์ ฯ

วันศุกร์, พฤศจิกายน 24, 2549

กำสรวลสมุทร

สำนวนนี้คัดลอกมาจากกำสรวลศรีปราชญ์ในว่ายเวิ้งวรรณศิลป์
www.geocities.com/thailiterature/ks.htm
สอบเทียบกับสำนวนในหนังสือ "กำสรวลสมุทร หรือ กำสรวลศรีปราชญ์ เป็นพระราชนิพนธ์ยุคต้นกรุงศรีอยุธยา" ของศิลปวัฒนธรรม พบว่ามีความเกินจากของศิลปวัฒนธรรมอยู่ ๘ บท นอกจากนี้ความตอนกลางยังมีการสลับบทสลับตอนกันหลายช่วง ดังที่ได้หมายเหตุไว้แล้ว อ่านถึงภาคผนวกท้ายเล่มในส่วนอ.มานิตตามล่าขทิงทองตรวจสอบเส้นทาง มีอ้างถึงบทที่ ๓๒-๔๓ ตรวจสอบแล้วเส้นทางตรงกับฉบับนี้ บางส่วนหายไปในฉบับ ศป. เข้าใจว่าว่ายเวิ้งวรรณศิลป์จะเอามาจากประชุมวรรณคดีไทยภาค ๑ โดย อ.ฉันทิชย์ กระแสสินธุ์ พอจะสรุปได้ตอนนี้ว่าฉบับนี้น่าจะสมบูรณ์กว่าฉบับ ศป.

*** หมายถึงเนื้อความหายไป

ร่าย
ศรีสิทธิวิวิทธบวร นครควรชํ
ไกรพํรหรงงสรรค สวรรคแต่งแต้ม
แย้มพื้นแผ่นพสุธา มหาดิลกภพ
นพรัตนราชธานี บูรียรมยเมืองมิ่ง แล้วแฮ
ราเมศไท้ท้าวต้งง แต่งเอง ฯ

อยุทธยายศยิ่งฟ้า ลงดิน แลฤา ๑-๓๑ ตรงกับ ๓-๓๓ ของศิลปวัฒนธรรม(ศป.)
อำนาถบุญเพรงพระ ก่อเกื้อ
เจดีลอออินทร ปราสาท
ในทาบทองแล้วเนื้อ นอกโสรม ฯ

พรายพรายพระธาตุเจ้า จยรจนนทร แจ่มแฮ
ไตรโลกยเลงคือโคม ค่ำเช้า
พิหารรเบียงบรร รุจิเรข เรืองแฮ
ทุกแห่งห้องพระเจ้า น่งงเนือง ฯ

ศาลาอเนขสร้าง แสนเสา โสดแฮ
ธรรมาศจูงใจเมือง สู่ฟ้า
พิหารย่อมฉลักเฉลา ฉลุแผ่น ไส่นา ศป.ว่า ไส้นา
พระมาศเลื่อมเลื่อมหล้า หล่อแสง ฯ

ตระการหน้าวัดแหว้น วงงพระ
บำบวงหญิงชายแชรง ชื่นไหว้ ศป.ว่า แซรง
บูรรพาท่านสรรคสระ สรงโสรด
ดวงดอกไม้ไม้แก้ว แบ่งบาล ฯ

กุฎีดูโชติช้อย อาศํร
เต็มร่ำสวรรคฤาปาง แผ่นเผ้า ศป.ว่า ปาน
เรือนรัตนพิรํยปราง สูรยปราสาท
แสนยอดแย้มแก้วเก้า เฉกโฉม ฯ

สนํสนวนสอาดต้งง ตรีมุข
อร่ามเรืองเสาโสรม มาศไล้
เรือนทองเทพแปลงปลุก ยินยาก
ยยวฟ้ากู้ไซ้ ช่วยดิน ฯ ศป.ว่า เยียวว่าฟ้ากู้ไซร้

***

อยุทธยายศโยกฟ้า ฟากดิน
ผาดดินพิภพดยว ดอกฟ้า
แสนโกฎบยลยิน หยาดเยื่อ ศป.ว่า แสนโกฏิบ่ยลยิน หยากเยื่อ
ไตรรัตนเรืองรุ่งหล้า หลากสวรรค์ ฯ

***

อยุทธยาไพโรชไต้ ตรีบูร
ทวารรุจิรยงหอ สรหล้าย
อยุทธยายิ่งแมนสูร สุระโลก รงงแฮ
ถนัดดุจสวรรคคล้ายคล้าย แก่ตา ฯ

***

ยามพลบสยงกึกก้อง กาหล แม่ฮา
สยงแฉ่งสยงสาวทรอ ข่าวชู้
อยุทธยายิ่งเมืองทล มาโนช กูเอย ศป.ว่า ยิ่งเมืองบน
เขตรตระหลบข่าวรู้ ข่าวยาม ฯ ศป.ว่า แตรตระหลบ

***

๑๐
สายาเข้าคว้าเหล้น หลายกล
เดอรดีดเพลี้ยเพลงพาล รยกชู้
สายาอยู่ในถนน ถามข่าว รยมฤา
ยงงที่สาวน้อยรู้ รยกขวนน ฯ

๑๑
สายาบววบ่าวเกลี้ย จักมา
สาวส่งงอย่ามาวนน สู่น้อง
สายากรรแสงคลา สองสู่ กนนนา
สาวบ่าวอยู่ในห้อง รยกคืนหาคืน ฯ

๑๒
สายารักอยู่เท้อญ อย่าไป
ยยวจรรจับแขนขืน เดอดดิ้น
สายากล่าวเอาใจ โลมสวาสดิ
สาวบ่าวรู้ใช้มลิ้น ลื่นใจโลมใจ ฯ

***

๑๓
หน้าเจ้าชู้ช้อยฉาบ แรมรักษ์ ศป.ว่า แรมรัก
สาวสื่อมาพลางลืม แล่นให้
บาศรีจุฬาลักษณ์ เสาวภาค กูเออย
รยมรยกฝูงเข้าใกล้ ส่งงเทา ฯ

๑๔
โฉมแม่จักฝากฟ้า เกรงอินทร หยอกนา
อินทรท่านเทอกโฉมเอา สู่ฟ้า
โฉมแม่จักฝากดิน ดินท่าน แล้วแฮ
ดินฤขัดเจ้าหล้า สู่สํสองสํ ฯ ศป.ว่า ดินฤๅขัด

๑๕
โฉมแม่ฝากน่านน้ำ อรรณพ แลฤา
ยยวนาคเชยชํอก พี่ไหม้
โฉมแม่รำพึงจบ จอมสวาสดิ กูเอย
โฉมแม่ใครสงวนได้ เท่าเจ้าสงวนเอง ฯ

๑๖
สรเหนาะนิราษน้อง ลงเรือ
สาวส่งงเลวงเต็ม ฝ่งงเฝ้า
สระเหนาะพี่หลยวเหลือ อกส่งง
สารด่งงข้าส่งเจ้า ส่งงตน

๑๗
สรเหนาะน้ำคว่งงคว้งง ควิวแด
สํดอกแดโหยหล เพื่อให้
จากบางกระจะแล ลิวโลด
ลิวโลดชวนนน้องไข้ ข่าวตรอม ฯ ศป.ว่า ลิวโลดขวัญน้องไข้

๑๘
จากมาให้ส่งงโกฎ เกาะรยน
รยมร่ำทั่วเกาะขอม ช่วยอ้าง
จากมามืดตาวยน วองว่อง
วองว่องโหยไห้ช้าง ชำงือ ฯ ศป.ว่า ช่ำงือ

๑๙
จากมาลำห้นนล่อง ลุะขนอน
ขนอนถือเลยละ พี่แคล้ว ศป.ว่า ขนอนบ่ถือเลยละ
จากมากำจรจนนทน จรุงกลิ่น
จรุงกลิ่นแก้มน้องแก้ว ไป่วาย ฯ

๒๐
จากมานักนิ่นเนื้อ นอนหนาว
หนาวเหนื่อยเพราะลํชาย ซาบชู้
จากมาทระนาวนาว นํแม่ ศป.ว่า จากบางทระนาวนาว
หนาวเหนื่อยมือแก้วกู มุ่นมือ ฯ

๒๑
จากมามาแกล่ไกล้ บางขดาน
ขดานราบคือขดาน ดอกไม้
มาเกาะกำแยลาญ ลุงสวาสดิ กูเอย
ถนัดกำแยย้าใส้ พี่คาย ฯ ศป.ว่า เย้าไส้

๒๒
พระใดบำราศแก้ว กูมา
มาย่านขวางขวางกาย ด่งงนี้ ศป.ว่า ขวางดาย
จากมาเลือดตาตก เตมย่าน
เตมย่านบรู้กี้ ถ่งงแถม ฯ

๒๓
จากมาอกน่านน้ำ นองกาม
กามกระเวนแรมรศ ร่วงไส้
จากมาราชครามคราม อกก่ำ
อกก่ำเพราะชู้ให้ ตื่นตี ฯ

๒๔
จากมาแก้วกูค่ำ ชรอกแขวะ ศป.ว่า แก้วกู้ค่ำ ซรอกแขวะ
โพรงชรอกโชรมแขวะศรี โศรกศร้อย ศป.ว่า โพรงซรอกโซรม
จากมาพิบูลแบะ บูนแม่ ศป.ว่า ปูนแม่
บูนแม่ลห้อยไห้ ข่าวตรอม ฯ ศป.ว่า ปูนแม่

๒๕
จากมาแก้วผึ้งแผ่ ใจรักษ มาแม่
ยยวอยู่เลวไผ่ผอม ผ่าวใส้ ศป.ว่า เลอผ่ายผอม
จากศรีสำลักใคร สกิดอ่อน อวนแม่ ศป.ว่า ส่ำลัก
รยมร่ำไห้หาเจ้า ชำงาย ศป.ว่า ช่ำงาย

๒๖
จากมาเรือร่อนท้ง พญาเมือง
เมืองเปล่าปลิวใจหาย น่าน้อง
มาจากเยิยมาเปลือง อกเปล่า
อกเปล่าว่ายฟ้าร้อง ร่ำหารนหา ฯ ศป.ว่า อกเปล่าวาย

๒๗
จากมาเมืองเก่าเท้า ลเท ท่านรา
เทท่าบึงบางบา บ่าใส้
จากมาอ่อนอาเม บุญบาป ใดนา
เมืองมิ่งหลายเจ้าไว้ รยกโรย ฯ

๒๘
เดชานุภาพเรื้อง อารักษ์ ท่านฮา
รักเทพจำสารโดย บอกบ้าง
บาศรีจุฬาลักษณ์ ยศยิ่ง พู้นแม่
ไปย่อมโหยไห้อ้าง โอ่สาร ฯ ศป.ว่า โอ่ศัลย์

๒๙
ไก่ใดขนนนิ่งน้อง นางเฉลอย ศป.ว่า ขันขิ่ง
เชอญท่านทยานเปนฝนน ฝากแก้ว
เยียมาบลุะเสบอย เชองราค
ไฟราคดาลแพร้วแพร้ว พร่างตา ฯ

๓๐
เยียมาเยียจากเจ้า กูเจ็บ
เห็นรหนโหยหา จไจ้
เยียมาเยียหนามเหน็บ อกอยู่
อกอยู่เพราะน้องไห้ ตากตน ฯ

๓๑
เยียมาเรือเก้ากู่ การุญ ย่านนา ศป.ว่า เรือแก้วกู้
นบเทพอรชุนบน บอกถ้อย
มือพันพ่อมีบุญ แลส่อง ดูรา
เชอญพ่อเด็จดวงช้อย ซาบศรีสํศรี ฯ

๓๒
เยิยมาเรือล่องใกล้ กรยนสวาย ๓๒-๓๗ ไม่ปรากฎใน ศป.
สวายสวาสดิธรณีนาง มิ่งไม้
เพล็จพวงดุจดวงถวาย ทุกกิ่ง ไซ้แฮ
แม้นม่วงรศฟ้าไล้ ลูกหวาน ฯ

๓๓
มุ่งเหนน้ำหน้าวิ่ง วยรตา แลแม่
ถนัดม่วงมือนางฝาน ฝากเจ้า
เททรวงทุเรมา บางภูด พี่แม่
หมากพูจรู้ลับเล้า พูจพราง ฯ

๓๔
ต้นไม้ชรลูดลิ้น บ่มี แม่ฮา
ถามข่าวนวลนางฤา พูจได้
รฦกกระลาศรี เสาวภาค กูเอย
สารส่งงทุกต้นไม้ ลนนลุง ฯ

๓๕
อาเมจยรจากเจ้า กินใจ บานี
ยรรย่อนทงงเพาะพุง พร่นนกว้า
อาเมอยู่ฉันใด ดวงสวาสดิ กูเอย
นอนน่งฤาให้ผ้า ผูกแด ฯ

๓๖
เยียมานิราษร้อน ไฟกาม
ลุะบมีเลอยแล รยกฟ้า
ศรีมาสำโรงงาม อายแก่พี่แม่
ถนัดสำโรงเจ้าถ้า อกโรง

๓๗
รฦกน้องน้อยแง่ ลีลา ฤาแม่
ผืนแผ่นบโยงฤา อยู่ได้
แลที่ร่ำไพตา เลงโลกย พูนแม่
แผ่นผูกแมกฟ้าไว้ จึ่งคง ฯ

๓๘
ศรีมาพิโยคพื้น รัตนภูม ๓๘-๖๖ ตรงกับ ๓๔-๖๒ ของ ศป.
ถนัดดุจพระภูมผจง แผ่นแผ้ว
เล็งแลเยียฟ้าฟูม ชลเนตร
เพราะพี่เจ็บเจ้าแคล้ว คลาศไกล ฯ

๓๙
ศรีมาเทวศศร้อย สงสาร
ทุกย่านอกฟูมไฟ น่าน้อง
ศรีมาองงคารฉมัก ฉมวยใหญ่
แลลบับไล้ท้อง ท่งขยว ฯ ศป.ว่า แลลบัด

๔๐
เนื้อเบื้อละไล่ล้ำ สงงขยา
ควายประชลเพราะพรยว ตื่นเต้น ศป.ว่า เพลาะเพรียว
กวางทราบประนงงหา หวงเถื่อน ศป.ว่า กวางทราย
บางลวบบ้างเหล้นบ้าง ง่าเงย ฯ ศป.ว่า บ้างลาบ

๔๑
รฦกชู้แก้วเกื่อน ใจตาย แลแม่
รยมร่างเปนต้นเลอย น่าน้อง
เลือดตายิ่งฝนราย ราย่าน
อกพี่พ้นฟ้าร้อง รยกศรี ฯ

๔๒
ต้งงใจรักษเจ้าอาจ อุปรมา ถึงฤา
ชีไฝ่ยามปูปี ไป่แล้ว
ดวงดยวแม่คงตรา ไตรโลกย กูเอย
ดินและฟ้าได้แก้ว ก่อโฉมเกลาโฉม ฯ

๔๓
ฝ่ายสยงสุโนกไห้ หานาง แม่ฮา
รยมทนนทึงแทงโลม ลิ่นเล้า
มาดลบำรุะคราง ครวญสวาสดิ
ให้บำรุะหน้าเหน้า จอดใจ ฯ

๔๔
บำรุะบำราษแก้ว กูมา ศป.ว่า บำรุงบำราศแก้ว
จักบำรุงใครใคร ช่วยได้
บรับบเร่อมอา บ่ร่าง ละเลอย ศป.ว่า บร่าง ลุเลย
โอ้บเร่อมน้องให้ ไฝ่เหนสองเหน ฯ

๔๕
รยมมาบสว่างไข้ ขวนนบิน บ่าแฮ
กระอืดอกเซนเซน ช่วยเหน้า
ลุจุงจรลึงยิน จรหล่ำ แล้วแฮ
อ้าจรลึงรักษเจ้า จำงาย ฯ

๔๖
จรลิวไต้ฟ้าต่ำ เตือนยาม
โหยบเหนสายใจ จรคล้าย
บลุแม่เมากาม กาเมศ กูเออย
ลพี่หว้ายน้ำหน้า มืดเมา ฯ

๔๗
มาทุ่งทุเรศพี้ บางเขน
เขนข่าวอกนํเฉลา พี่ต้งง
ปืนกามกระเวนหวว ใจพี่ พระเออย
ฤาบให้แก้วก้งง พี่คงคืนคง ฯ

๔๘
กำศรดสร้อยฟ้าคลี่ ควรรักษ ฤาแม่
รอยอยู่แรมรศรงค์ พี่เต้า
ศรีมาย่อมดักดัก ใจจอด คืนนา
คร่นนกล่าวคร่นนให้เกล้า เกลือกเรือ ฯ ศป.ว่า ครั้นให้เกล้า

๔๙
ศรีมาใจขาดข้อน ทางวนน ศป.ว่า ขอดข้อน
แลลนนลุงเหลืออก น่าน้อง
ศรีมาย่อมรับขวนน แขวนปาก ไซ้แม่
ดาลตื่นตีอกร้อง ร่ำหารนหา ฯ

๕๐
ฤารยมให้ชู้พราก กนนเพรง ก่อนฤา
กรรมแบ่งเอาอกมา ด่งงนี้
เวรานุเวรของ พระบอก บารา ศป.ว่า เวรานุเวรเอง
ผิดชอบใช้นี้หน้า สู่สํสองสํ ฯ ศป.ว่า ใช้หนี้หน้า

๕๑
เยียมาสํดอกแห้ง ฤทย ชื่นแฮ
เครงย่อมถงวลถงํอก ค่ำเช้า
เยียมาเยิยไกลกลาย บางกรูจ
ถนัดกรูจเจ้าสระเกล้า กลิ่นขจร ฯ

๕๒
รศใดด้าวหน้าดุจ รศผํ แม่เลย
ผมเทพสาวอับษร รูปแพ้
พระเออยเมื่อสองสํ สุเกษ นางนา
บนขอดกลางเกล้าแก้ จ่ำเลอย ฯ

๕๓
เยียมาพิเศศพี้ บางพลู
ถนัดเหมือนพลูนางเสวอย พี่ดิ้น
รยมรักษเมื่อไขดู กระหนยก นางนา ศป.ว่า กระเนียด
รศรำเพอยต้องมลิ้น ล่นนใจลานใจ ฯ

๕๔
เรือมาจยรจยดใกล้ ฉมงงราย
ฉมงงนอกฉมงงใน อกช้ำ
ชาวขุนสรมุทรหลาย เหลือย่าน
อวนหย่อนยงงท่าน้ำ ถูกปลา ฯ

๕๕
กล้วยอ้อยเหลืออ่านอ้าง ผักนาง
จรหลาดเลขคนหนา ฝ่งงเฝ้า
เยียมาลุดลบาล รมาต ศป.ว่า เยียมาลุะดลบาง
ถนัดรมาตเต้นเต้า ไต่ฉนยร ฯ

๕๖
ชรดือดาษชุ้งชื่อ ปลอมแปล ศป.ว่า แปลมแล
ไพรพนํอากยร แรดร้อง
ดวงดยวจากจยรแด ยรรสวาดิ
นอนน่งงฤาไห้พร้อง เพื่อนใคร ฯ

๕๗
ดวงดยวบววมาศแพ้ พิมทอง พี่เออย
รยมบหลับใหลหา ค่ำเคี้ย
ดวงดยวแม่มองหน หาพี่ พู้นแม่
ใครช่วยชูเกล้าเกลี้ย กล่อมแถง ฯ

๕๘
รยมรักษสุดที่อ้าง เอวสมร แม่อา ศป.ว่า แม่ฮา
กามลนนลุงลานแด เดือดไหม้
เยียมาเทพสาคร ครวญสวาดิ
สยงสาครร้องไห้ ส่งสยงสุดสยง ฯ

๕๙
มุ่งเหนดยรดาษสร้อย แสนส่วน ศป.ว่า แสนสวน
แมนม่วนขนุนไรรยง รุ่นสร้อย
กทึงทองรำดวรโดร รศอ่อน พี่แม่
ปรางประเหล่แก้มช้อย ซาบฟนน ฯ ศป.ว่า ปรางประเหล้

๖๐
เยียมาแอ้วไส้ย่อน บางฉนงง ศป.ว่า เอวไส้
ฉนงงบ่อมาทนนสาย แสบท้อง
ขนํทิพยพงารงง รจเรข มาแม่
ยินข่าวไขหม้อน้อง อิ่มเอง ฯ

๖๑
ด้าวห้นนอเนขชื้อ ขนํขาย
วอนว่อนเลวงคิด ค่าพร้าว
หมากสรุกซระลายปลง ปลิดใหม่
มือแม่ค้าล้าวล้าว แล่นชิงโซรมชิง ฯ

๖๒
มลักเหนน้ำหน้าไน่ ไนตา พี่แม่
รยมตากตนติงกาย น่าน้อง ศป.ว่า ติงกาย
ลนนลุ ํพี่แลมา บากจาก ศป.ว่า บางจาก
จยรจากตีอกร้อง รยกนางหานาง ฯ

๖๓
ลนนลุงสองฟากฟุ้ง ผกาสลา
โดรลอองอบตาง กลิ่นเกล้า
รอยมือแม่ธารทา หอมหื่น ยงงเลอย
จนนทนกระแจะรศเร้า รวจขจร ฯ

๖๔
เสียดายหน้าช้อยชื่น บววทอง กูนา
ศรีเกษเกศรสาว ดอกไม้
มาดลบนนลุะนอง ชลเนตร
ชลเนตรชู้ช้อยไห้ ร่วงแรงโรยแรง ฯ

๖๕
ขอมเพรงบงงเหตุเต้น ตัดหวาย
หวายเท่าแทงตนขอม ตอกต้อง
ขอมถือทอดตนตาย ดด่าว
ห้ยมว่าเพรงใดพร้อง ที่น้นนหวายยงง ฯ

๖๖
สระเหนาะหน้าเจ้าแว่น ไวจนน
ปางจากอยุทธยานาน จึ่งเต้า
สระเหนาะกรรายนน อกหย่อน
เมรุทุเท่าหน้า กำศรวญ ฯ ศป.ว่า เท่าเหน้า

***

๖๗
รฦกรศช้อยซาบ พระทนต ๖๗-๖๘ ตรงกับ ๖๔-๖๕ ของ ศป.
อวายปากไปนารศ รอจเร้า
มิลุะแล่งตนเปน สองซีก
ซีกหนึ่งไว้น้องเหน้า หนึ่งมา ฯ

***

๖๘
รฦกหน้าช้อยชื่น บววทอง กูนา
หอมหื่นใครเหนตา ภู่ได้
รฦกดลหลับสองนํ นาภิศ กูนา
ยยวอยู่หาชู้ใช้ อื่นตาง ฯ ศป.ว่า หาชู้ไซ้

๖๙
โกกิลกรวิกษอ้ยง ยูงยาง ตรงกับ ๖๓ ของ ศป.
จับกิ่งยูงยางเยาว เพื่อนพร้อง
พละลบกัลโหยลาง โลมลูบ
จับกิ่งยางแล้วร้อง ไร่เฌอ ฯ

๗๐
ปารนี้แก้วข้าตื่น ฤาหลับ อรเออย ตรงกับ ๖๖ ของ ศป.
นอนน่งงฉนนใดดู ด่งงนี้
ยอมือบนนทับอก โดยแม่ กูเออย ศป.ว่า โอยแม่
เจ็บยิ่งล้ำพ้นผี้ หมื่นทวีแสนทวี ฯ ศป.ว่า พู้นผี้

๗๑
เยียมาบางผึ้งแผ่ รวงรยง ตรงกับ ๗๑ ของ ศป.
ถนัดแผ่นธรณีปาน แผ่นผึ้ง
เหอรหวรทรหึงสยง ตววต่าง
ยยวตววแตนขึ้ง ต่อแตน ฯ ศป.ว่า เยียวว่าตัวแตนขึ้ง

***

๗๒
ปารนี้อรเช้าแม่ เกลาองค์ อยู่ฤา ตรงกับ ๖๗ ของ ศป.
ต่างกรดานจตุรงคมยง ม่ายม้า ศป.ว่า ตั้งกระดาน
ฤาวางสกาลง ทายบาท
ฤากล่าวคำหลวงอ้า อ่อนแกล้งเกลาฉนนท ฯ

๗๓
อันเชิญอาทาษท้าว เทียมสอง ไม่ปรากฎใน ศป.
เหาะบันหารโฉมฝัน ฝากแก้ว
ถนัดเรียมตื่นตามอง เหนอื่น
พอผุดลุกฟ้าแผ้ว มืดมลาย ฯ

***

๗๔
พระเออยสรโรชสร้อย ศรีสรง กูนา ตรงกับ ๖๙ ของ ศป.
ตระบอกบววศรีไส กลีบกล้ยง
พระเออยคร้นนเหนหงษ สอนย่าง น้นนนา
ศรีกระไดเล้าล้ยง ลูบโลม ฯ

***

๗๕
พระเออยน้ำหน้าหล่งง เหลือสินธุ โสดแฮ ตรงกับ ๖๘ ของ ศป.
ยากอยู่ทงงวนจำ จวดเจ้า ศป.ว่า จอดเจ้า
พระเออยจงเตือนกิน เตือนอยู่ บ้างฮา
เจ็บจรเทอญทนเศร้า สุดหมอง ฯ ศป.ว่า เจ็บจรเท้อญ

***

๗๖
รักเนื้อชรอ่อนเนื้อ เขมนเขมา อยู่นา ตรงกับ ๗๐ ของ ศป. ชรม่อนเนื้อ
แถงถงาดมุดดาดัด ดอกไม้
ดำแดงบภักเอา วยรมาศ เจอมนา
เดอรดุจล้วงใส้ ร่าวยนน ฯ

***

๗๗
รฦกแก้วกินสี้ นางสอง ไซ้แม่ ตรงกับ ๗๒ ของ ศป. ไส้แม่
อร่อยสรทึกถนำ ปากป้อน ศป.ว่า อร่อยรสทึกถนำ
จนนท์จรุงออกธารทา ยงงรุ่ง ศป.ว่า จอกธารทา
บยายยวเนื้อร้อน เร่งวี ฯ

๗๘
แม่วีชู้ช้อยชุ้ง นอนหลับ แลแม่ ไม่ปรากฎใน ศป.
ตื่นมเมอหาศรี แอบข้าง
ถอนมมือบนนทับหลงง โลมลูบ กนนนา
รยมตื่นชํเจ้าค้าง ค่างเชอย ฯ

๗๙
แก้มกล้ยงขจรทูปฟ้า ชวยฉํ แม่ฮา ๗๙-๑๒๙ ตรงกับ ๗๓-๑๒๓ ของ ศป.
ถนัดอยู่ในฝนนเลอย ไป่แล้ว
รฦกคนนหลับนํนวล นาภิศ นางแม่
ถนัดมเมอคล้ายแคล้ว แก่ตา ฯ

๘๐
เมื่อมาแก้วพี่ปลิด ปล่ยนแด พี่แม่ ศป.ว่า เมือมา
ขวนนอยู่อยุทธยาตน ต่างหม้าย
รฦกกระลาแถง จยรจาก เจบมา
รยมร่ำหว้ายฟ้าหว้าย แผ่นดิน ฯ

๘๑
เยียมาปิ้มปิ้มปาก พระวาล
พระหากวานวงงสินธุ คว่างคว้าง
สมุทรพิศารลิว คิววคว่งง แลนา
แลชรเลลานท้าง ทุลาย ฯ ศป.ว่า ลาญท้อง

๘๒
ล่วงฦกสุดหย่งงพ้น คณนา
รลอกพรยนพรายดู แพร่งน้ำ ศป.ว่า เพรียมพราย
เยียมาเยิยสุดตา แสนโยชน์
เรือแล่นผ้ำผ้ำผ้าย ผ่าวใจ ฯ

๘๓
เยียมาลิงโลดฟ้า ฟองฟัด ศป.ว่า ลิวฟ้า
สยงสมุทรครางใคร อยู่ได้
เยียมาตระบัดลํ ลิวล่าว แลแม่
เดือนยี่หนาวชักไส้ ฉ่ำชวย ฯ

๘๔
เยียมาน้ำหน้าคล่าว ครางตาย พี่แม่
รยมรทวยตีนมือ มืดหน้า
เยียและพี่ใจหาย หววหาด ศป.ว่า เยียแลพี่
เงาชรแลไล่ฟ้า ม่ายมยง ฯ ศป.ว่า ไล้ฟ้า

๘๕
เยียมากระดาษท้ง ขาวขยว อยู่นา
ววู่สยงลํลง ล่นนไส้
เยียมาเยิยแลหลยว ชรอ่ำ
ชรอ่ำอกฟ้าไข้ ข่าวตรอม ฯ

๘๖
มุ่งเหนอรรถ้ำท่ง ทิวเขา
เขาโตกอำภิลจอม แจกฟ้า ศป.ว่า จากฟ้า
สรมุทรเงื่อนเงามุข มยงม่าย
ดูดุจมุขเจ้าถ้า ส่งศรี ฯ ศป.ว่า สั่งศรี

๘๗
มุ่งเหนลล่ายน้ำ ตาตก แม่ฮา
เกาะสรชงงชลธี โอบอ้อม
บลักเหนไผ่รยงรก เกาะไผ่ พูนแม่
ขยวสระดือล้ำย้อม ญอดคราม ฯ ศป.ว่า สระดื้อ

๘๘
ระฦกรศน้องไน่ ในตา พี่แม่
เออสมุทรอยงกาม กล่อมเหน้า ศป.ว่า เอวสมุทร
เยียแลลนนลุงมา บางค่อม
ถนัดค่อมน้อยข้าเจ้า ส่งงจนนทน์ ฯ ศป.ว่า ส่งจันทน์

๘๙
จากมาแก้วพี่ห่อม หิวใจ แลแม่ ศป.ว่า ห้อม
คร้นนกล่าวโหยหนนอก สู่ฟ้า
ตนดยวแบ่งตับไต สองภาคย
รลอกจนน่าเจ้า หน่วงหลงง ฯ ศป.ว่า ระลอกหนักหน้าเหน้า

๙๐
ตนดยวมาจากเจ้า เจบอก อ่อนเออย
เรือกลอกกลางวงงใจ ขาดขว้ำ
จากนางยิ่งตนตก เมรุมาศ
รลอกล้ำฟ้าซ้ำ ซ่านดิน ฯ

๙๑
จากมาสายสวาดิไว้ อยุทธยา แลนา ศป.ว่า อยุธยา นาแม่
อกเปล่าอกสายสินธุ์ หากรู้ ศป.ว่า สาวสินธุ์
ลุะดานกนนชาววา ลวงใหญ่ แล้วแฮ
วาลยิ่งสารสับสู้ เสริฐชล ฯ

๙๒
วาลเลขลํไล่ปรุ้ย ไปมา ศป.ว่า วาฬเลกรม
วารถ่าววยรวงงวล ลล้าว
วาลโทลประลองปลา ปลักปล่น ศป.ว่า ประลวง
หางกวาดหววแอ้วอ้าว ปากปาม ฯ

๙๓
เยียมาม่ายน้องขวล ขวายแด แลแม่ ศป.ว่า น้องข่วล
นอนน่งงฤากวนกาม แกว่งไส้
ลุกยืนวงงเวงแล ลิวโลด
คืนน่งงลห้อยไห้ บ่ำบวง ฯ

๙๔
พระเออยสระโรชท้อง ชลธี ท่านแฮ
เชอญเทพมาทับทรวง ที่ร้อน
แมนเมขลาศรี เสวยภาคย กูเออย
มาแม่อย่าทนนข้อน ขาดใจข่นใจ ฯ ศป.ว่า มาทันข้อน

๙๕
ไหว้เจ้ารักษาฝากน้อง นางรักษ พี่ฮา ศป.ว่า รักษ์ฝากน้อง
พรัดพิพรายหลงงใคร บ่รู้ ศป.ว่า พลัดพี่ภายหลังใคร
ต้งงใจเท่าเจบหนัก ในแม่ พูนแม่
ยยวกลอกกล่นนใจชู้ ตากตาย ฯ ศป.ว่า ให้ชู้

๙๖
โอ้อกสระแอ่แก้ว กูมา แม่ฮา
เยียพรากพรัดเพรางาย เยี่ยแคล้ว
พลบค่ำลนนลุงหา สายสวาดิ คืนแม่
สยวยิ่งสาวใส้แก้ว ผ่านเผา ฯ ศป.ว่า ผ่าวเผา

๙๗
ไกรพรยงตววอาจเต้น เห็จเหน
สาวเชือกชักเรือเรา พี่ร้อง
นางนุชแม่มวยเพญ พิโยค กูเออย
ยามหนึ่งไกลน้องค้ำ ขวบปี ฯ

๙๘
ฝ่ายสยงสุโนกไห้ หานาง
วว่องวยรดาศรี ผ่าวพ้น ศป.ว่า ตาศรี
มาลุะดำบลบาง นายหญี่
นายหญี่โซรเหล้าต้น ช่างโซร ฯ

๙๙
หลายผู้ผํคลี่กล้ยง จำยาม ศป.ว่า จ่ำยาม
เมามี่อยงโอนหวว ผูกผ้า
ถนัดสาวสมุทรตาม ตวงแพ่ง
ชาวพี่พยงถ้วมหน้า รากรณ ฯ

๑๐๐
เรือมามาแบ่งแก้ว กูไกล
ไกลตื่นตำบลมา ลห้อย ศป.ว่า ดำบลบา
เยียมาเยิยไฟฟูน อกพี่ นาแม่
ขอพี่เหนหน้าน่อย หนึ่งเจ้ายาใจ ฯ ศป.ว่า หน้าน้อย

๑๐๑
เรือมามาที่ท้าง สวาโถกน
คร่นนพี่ถึงโถกนไท แม่เต้า ศป.ว่า ครันพี่ถึงถโกนไท้ แม่เจ้า
บเหนยิ่งไฟโรน รุ่นสวาดิ
อกพี่ดาลร้อนเร้า ยิ่งรามไกรราม ฯ

๑๐๒
รามาธิราชใช้ พานร
โถกนสมุทรวายาม ย่านฟ้า
จองถนนเปล่งศิลปศร ผลาญราพ (ณ์)
ใครอาจมาขวางฆ่า ก่ายกอง ฯ

๑๐๓
เพรงพรัดนรนารถสร้อย ษีดา
ยงงขวบคืนสํสอง เศกไท้ ศป.ว่า ยังคอบคืน
สุทธนูประภาฟอง ฟัดจาก จยรแฮ
ยงงคอบคืนหว้ายได้ สู่สํสองสํ ฯ

๑๐๔
ผยองม้ามณีกากเกื้อ ฤทธี ก็ดี
สองสู่สองเสวอยรํย แท่นไท้
เพรงพินธุบดีพรัด พระโฆษ
ขอนขาดสองหว้ายไส้ จากจยร ฯ

๑๐๕
พร่ำพบมาโนชเนื้อ นางเมือง
สองสู่สํมณฑยร แท่นแก้ว
เท่าบาเปล่าเปลองอก ในอ่อน อรแม่ ศป.ว่า เปล่าอกเปลือง
สองพรากพรัดแคล้วชู้ ชำงือ ฯ ศป.ว่า ช่ำงือ

๑๐๖
เท่าบาแส้วไส้หย้อน ในนาง ไซ้แม่ ศป.ว่า ไส้แม่
ครางอยู่ฮือฮือตา เลือดไล้
เท่าบาจากอกคราง ครวญแม่
รยมเท่าหววใจให้ แม่ดิ้นโดยดู ฯ

๑๐๗
บได้กล้ำเข้าแต่ วนนมา
กลืนแต่ยาคูกวน กึ่งช้อน
รฦกกระลาพิม พระมาศ กูเออย
ดาลกนนหายเร้าร้อน ราคคืน ฯ

๑๐๘
เยียมามาให้สวาดิ จำรศ
ถนัดดุจวานใจฝืน ฝากน้อง
ชลธีรนนทดเลือน รลอก
เรือเยิยเต้นน้ำต้อง ตื่นพยง ฯ

๑๐๙
โออกสดวกไส้ เสาโขดง ศป.ว่า โอ้อกสมดอกไส้
ลํโบกใบบินอยง แล่นผ้ำ
ขทิงทองรนนทดโยง ลยวแล่ง
ลํช่วยขวาซ้ายล้ำ แล่งเรือ ฯ

๑๑๐
สลาตนนตราษหน้าแต่ง พลยุทธ
ลํสเภาลํเสือ ต่างต้อง
ตรึงตราโขดงทรุด ปลงยาก
สายสมุทรไห้ร้อง รยกศรี ฯ

๑๑๑
น้ำหน้าสองฟากฟุ้ง ผกาแจรง
ฟองฟ่องตามตีอก คลื่นเคล้า
รนนชลรนนแชงอึง อากาศ
เรือยิ่งอยงน้ำเข้า ขาดใจข่นใจ ฯ

๑๑๒
พนนฦกน้ำบ่าสาด พกเพญ มาแม่ ศป.ว่า น้ำบ้าสาด
เรือคระแครงตับไต ขาดขว้ำ
สัดจองกำเบญบก พกพึ่ง แล้วแฮ
อกพี่อกฟ้าช้ำ ช่วยตรอมรยมตรอม ฯ

๑๑๓
เลงแลตลึงแกล้ง เกลาสาร แม่ฮา
นพเทพชํชอมทุก ย่านย้งง
พระเออยจำศรีคราญ คืนคอบ สํรา
อย่ารยกลํให้พล้งง พลยกเรือลงเรือ ฯ ศป.ว่า เพรียกเรือลงเรือ

๑๑๔
พระเออยได้ชู้ชอบ ใจจง ฤาแม่
อย่าเล่นลํพัดเหลือ พร่นนกว้า
พระเออยชุ่งอรองค สํพี่
อย่าโบกโบยลํบ้า เฟื่องฟองฟูมฟอง ฯ

๑๑๕
สัตยาบัดม้วยมี่ สยงสินธุ แลแม่
สาวสมุทรนองเนือง เน่งน้ำ
อารักษร่วมรักยิน อาราทธน แล้วแม่
ใส่ส่างอกฟ้าล้ำ ดาษดยร ฯ

๑๑๖
อัศจรรย์โอ้อำนาจ สารสัตย ไซ้แม่
ฟองอย่าฟัดฟยนภํ แล่นแล้ ศป.ว่า ฟองอย่าพัดเพียงภมร
ขนัดตราตระบัดเขน โขดงเล่า ศป.ว่า ขนันตรา
ชาวเพื่อนพรัดกว่าแก้ อยู่บางนอนบาง ฯ ศป.ว่า พรั่นกว่าแก้

๑๑๗
โออกครวญเคร่าถ้า เรือมูน มากแฮ
ลุะรุ่งรางราศรี โศกเศร้า
รฦกแม่มาธูร ทุเรศ กูเออย
เอาสใบชู้ช้อย หํ่ตาง ฯ

๑๑๘
รฦกเนื้อกรรเกษสร้อย สาวสวรรค กูเออย ศป.ว่า กูนา
กรกอดหมอนเหมือนนาง ร่ำไห้
รฦกกำจรจนนทน์ อายโอษฐ พู้นฦา
ทรงกรรแสงไจ้ไจ้ จั่นจวญ ฯ

๑๑๙
อ้าน้องมาโนชเนื้อ นางกระษัตร พี่เออย ฯ
ศรีกระไดเครงครวญ ค่ำเช้า ศป.ว่า แครง
อ้าอวรศยรสยดทัด มาลยมาศ กูเออย ศป.ว่า อ้าอร
ศรีกระไดกล้ววเกล้า กลิ่นฉํ ฯ

๑๒๐
อ้าท้าวอ้าทาศแก้ม เปรมปราง
ศรีกระไดเชอยชํ ช่างย้ำ
อ้าอวรละไมยนาง นวลนารถ กูเออย
ยยวกอดนักเนื้อช้ำ พี่ถนอม ฯ ศป.ว่า เยียวกอดหนัก

***

๑๒๑
ดวงดือนาภิศน้อง นางสวรรค กูเออย ศป.ว่า ดวงเดียว
กระแหน่วแนวนาภี พี่ดิ้น
ใครเหนออรเอววรร ใจวาบ วางฤา
ปานปีกน้อยน้อยริ้น ฤาร้างกลววตาย ฯ

๑๒๒
ตีนหลงลงแล่นเต้น ตามหลงง ศป.ว่า ตีนหลังลง
หลงงไล่ตามขมองโกรย ตื่นเต้น ศป.ว่า ขมังโกรย
บงงกงทุกงงฉลาม เหนโห่ ศป.ว่า มังกงทุกัง
งวงฉนากคลุกเคล้าเคล้น เฟื่องฟอง ฯ

***

๑๒๓
เรือมาฟองฟ่องฟ้อน กลหงษ
จงงกูดต่างตีนกวัก แกว่งน้ำ ศป.ว่า ตางตีนกวัด
กางโขดงยรรยงกล กางปีก
สยงสมุทรล้ำฟ้อน ย่านยาว ฯ

๑๒๔
เจบจากเจบอีกอู้ม อกเรือ ศป.ว่า อุ้ม
เจบจากสาวสาคร เคลื่อนดิ้น
เจบจากพี่เจบเหลือ อกอ่อน พูนแม่ ศป.ว่า พู้นแม่
อกอ่อนอกฟ้าปลิ้น เปล่าใจ ฯ

๑๒๕
รยมมาเรือร้อนท่ง บางสบู
ถนัดด่งงสบูบงงใบ แม่เร้น
รยมรักษพูดโดยดู สายสวาดิ ศป.ว่า รักผูกโดยดู
มาย่อมหลายชู้เหล้น เพื่อนตน ฯ

๑๒๖
กระไดเอาอาตมแก้ว พรีเพา ไซ้แม่
จยรจากบางคลครวญ ใช่น้อย
กระใดเงื่อนเงาเดือน โดยย่าง
นอนน่งงนางพร้องถ้อย ดุจดยว ฯ

๑๒๗
ถนัดแก้วกู้ต่าง เรือตาม
แครงย่อมพรายหลยวหยุท อยู่ถ้ำ ศป.ว่า อยู่ถ้า
ลุขนบดุจขนบกาม พระพี่ พี่แม่
เรือเยิยมาช้าชู้ เยิยนาน ฯ

๑๒๘
(เยียมาล่วงลับ)หลี้ เลอนาง แลแม่ ศป.ว่า เยียมาแล้วลิ่วหลี้
คร่นนรฦกใจลาญ ลห้อย ศป.ว่า ครั้นรฦก
บางสุตายภาคยพาง ถนัด ศป.ว่า ถนัดภาค
ถนัดภาคยชู้ช้อย แก่ตา ฯ

***

๑๒๙
สารนุชนี้แนบไว้ ในหมอน
อย่างแม่อย่าควรเอา อ่านเหล้น
ยามนอนนารถเอานอน เปนเพื่อน
คืนค่ำฤาได้เว้น ว่างใด ฯ

สนามบินสุวรรณภูมิ

ไปดูสนามบินใหม่ สนามบินสุวรรณภูมิด้วยตาตัวเองมาแล้ว พอจะประเมินจากสายตาตัวเองได้ดังนี้

- การออกแบบสถาปัตยกรรมโดยรวมทำได้ดีทีเดียว สวยงามและเข้าใจผังได้ไม่ยาก ในแง่การใช้งานดูแล้วก็ยังไม่เห็นปัญหาอะไร แต่ช่วงเวลาที่ผ่านเข้าไปคือเช้ามืดและหัวค่ำเท่านั้น กลางวันไม่รู้เป็นอย่างไร
- ป้ายบอกทางค่อนข้างสับสน ใช้ตัวอักษรขนาดใหญ่เท่าหม้อแกงในขณะที่ระยะมองค่อนข้างประชิด อ่านยาก และเว้นช่องไฟน้อย อีกทั้งป้ายส่วนทางรถไฟที่ยังไม่เสร็จมีการใช้กระดาษปิดทับไว้ ไม่รู้ทางรถไฟจะเสร็จเมื่อไหร่ ถ้าอีกนาน ทำไมไม่เอาออกไปก่อน พอเสร็จค่อยทำป้ายใหม่ก็ยังไม่สาย เพราะยังไงก็ต้องมีการปรับปรุงเป็นระยะอยู่แล้ว
- ห้องน้ำแย่มากจริงๆ เป็นห้องน้ำเล็กๆกระจายอยู่ทั่วไป สุขภัณฑ์ดูไม่ดี การเก็บงานไม่เรียบร้อย และสกปรกมากๆทั้งๆที่มีพนักงานประจำอยู่ แต่ดูเหมือนไม่มีคนทำงาน การติดตั้งซิงก์ไม่มีการยาซิลิโคนรอบทำให้มีน้ำหยดลงมาใต้อ่างได้ บางอ่างเซนเซอร์เสีย เอาการะดาษทิสชูไปอุดๆเอาไว้ ไม่มีป้ายและไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาซ่อม
- ป้ายตารางบินยังผิดพลาดอยู่ ข้อมูลบางเที่ยวบินดูไปดูมาหายไปเฉยๆ คนยืนรองงเป็นไก่ตาแตก ถามจนท.ที่นั่งประจำตรงนั้นก็ไม่ได้ความ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอะไรผิดปกติ พออธิบายให้ฟังก็ว.ตามให้ แต่ไม่ได้ความอะไร รู้แต่ว่าหายไป ไม่รู้เพราะอะไร และไม่รู้สถานะของเที่ยวบินด้วย ปัญหาแบบนี้เป็นปัญหาของระบบคอมพิวเตอร์ น่าจะแก้ไขด่วนเพราะมาความสำคัญมากสำหรับผู้เดินทางและคนที่มารอรับ
- ทราฟฟิกในลานจอดรถมีจุดตัดมากมายมหาศาล นอกจากทำให้รถติดแล้วยังอันตรายมากด้วย ป้ายในบางจุดหายไปเฉยๆยิ่งทำให้สับสนเข้าไปใหญ่ น่าจะมีการ revise กันใหม่ นอกจากนี้ก็มีปัญหาเดิมๆคือความสะอาด
- ร้านค้ามีมากแต่ขาดความหลากหลาย นายอินทร์มีไม่ต่ำกว่า 4 สาขา ไทยพาณิชย์มากมาย ร้านอาหารหน้าตาแปลกๆ ดูเหมือนทั้งหมดจะเช่าช่วงจากคิงส์ พาวเวอร์ น้ำดื่มราคาปกติสามารถซื้อหาได้ที่ Family Mart ครับ ก็ยุติธรรมดี

สรุปโดยรวมสนามบินถูกออกแบบมาใช้ได้ แต่การจัดการภายในถือว่าใช้ไม่ได้ ขาดการดูแลอย่างเห็นได้ชัด ผู้บริหารควรพิจารณาตัวเองหน่อยนะครับ อย่าให้ผู้ใช้บริการก่นด่าอยู่แบบนี้เลย

(เขียน 2006-10-31)

no_address_mapping ใน Postfix

Postfix ตั้งแต่ version 2.1 เป็นต้นมา เพิ่ม configuration parameter ชื่อ receive_override_options เข้ามา

การกำหนดให้

receive_override_options = no_address_mapping

มีประโยชน์ในการ config ใช้งาน postfix กับ amavisd-new ในบางรูปแบบ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ http://www.postfix.org/FILTER_README.html

(เขียน 2006-07-25)

ครบรอบวันเกิด 220 ปีสุนทรภู่ 26 มิ.ย. 2549

คนเขียนถึงสุนทรภู่ทีไรเป็นบทไหว้ครูทุกที ขอเขียนถึงในฐานะ "คนฟัง" บ้างละกัน

โอ้อาลัยใจหายเสียดายเอ๋ย
ร้อยห้าสิบเอ็ดปีแล้วไม่มีเลย ที่จะเคยได้ฟังอีกถ้อยสุนทร
เมื่อพลัดพรากจากแดนดินสู่เมืองฟ้า ท่านคงลาโลกเล่นเป็นอักษร
เล่าเรื่องร้างห่างโลกเป็นคำกลอน เช่นครั้งก่อนที่เคยเล่าทุกเช้าเย็น
แดนสวรรค์เป็นเช่นไรใคร่รู้นัก วิมานจักงามเพียงไหนท่านคงเห็น
เทียบธานีศรีอยุธย์พิสุทธิ์เป็น จะเฉกเช่นหรือแตกต่างกันอย่างไร
เรื่องกินอยู่เป็นอย่างไรท่านอาลักษณ์ อีกเรื่องรักเรื่องเล่นเป็นไฉน
เหล่านางฟ้าที่ว่างามงามปานใด จะเปรียบได้เท่ากี่นางในนครา
แสนเสียดายไม่ได้ฟังสำนวนซึ่ง สุนทรภู่รำพึงเรื่องเมืองเวหา
เล่าเรื่องร้อยเรียงพจน์รจนา นิราศคราสู่สวรรค์ชั้นตรัยตรึงส์ ฯ

(เขียน ก่อน 2006-07-20)

Pinyin กับ Wade-Giles

ระบบการเขียนภาษาจีนด้วยอักษรโรมันมาตรฐานจ ีนแผ่นดินใหญ่คือระบบ Pinyin แต่ก่อนหน้านี้ยังมีอีกระบบหนึ่งซึ่งใช้กันมาก่อน นั่นคือระบบ Wade-Giles

หนังสือฝรั่งเก่าๆที่อ้างภาษาจีนก็จะใช้ระบบนี้แหละ ช่วงนี้อ่านสามก๊กฉบับยาขอบอยู่ก็เลยนึกได้ว่าฉบับ Brewitt-Taylor ที่ยาขอบใช้อ้างอิงนั้นก็ใช้ระบบนี้

เสียดายแต่ว่าการถ่ายเสียงของยาขอบนั้นไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลย ซึ่งก็เป็นเพราะยาขอบคงไม่ได้มีโอกาสศึกษาระบบการออกเสียงตาม notation นี้

สำหรับคนที่รู้จัก Pinyin ดี ลิงก์นี้ http://kongming.net/novel/wade-giles/ น่าจะเป็นประโยชน์ในการเปรียบเทียบระบบ Pinyin กับ Wade-Giles

ส่วนผู้ไม่รู้ Pinyin คงหาเองได้ไม่ยากนะครับ

(เขียน 2006-07-20)

เขียนไทย romanized

การเขียนภาษาไทยโดยใช้อักษรโรมันทำกันมานาน ทั้งแบบหลวงแบบราษฎร์ แบบหลวงยึดระบบที่ภาษาแขกใช้ เขียนภาษาแขกก็ดูดี แต่เขียนคำไทยไม่ค่อยจะเข้าท่า ส่วนแบบราษฎร์เล่นแนวคาราโอเกะ เน้นเสียงเทียบเคียงภาษาอังกฤษ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ใกล้เคียงเท่าที่ควร เพราะภาษาไทยกับภาษาอังกฤษการออกเสียงมันผิดกันอยู่พอสมควร

ราชบัณฑิตยสภาออกมาตรฐานมาก็ดูเหมือนจะดี ยึดหลักสัทศาสตร์ รายละเอียดขี้เกียจอธิบาย ดูเอาที่ http://www.royin.go.th ดีกว่า

ระบบที่ว่าทำให้คนที่หลงยึดติดว่าอักษรโรมันคือภาษาอังกฤษอึดอัด เพราะพาลจะออกเสียงแบบภาษาอังกฤษให้ได้ แต่ถ้าคิดดูดีๆฝรั่งทุกชาติก็ใช้อักษรโรมันทั้งนั้น แต่ออกเสียงไปคนละทิศละทาง

ในขณะที่หลายชาติในเอเชียหยิบยืมมาใช้อย่างมีหลักการกันมานานแล้ว อย่างน้อยก็เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย ล่ะเอ้า!

ปัญหาคือระบบของราชบัณฑิตมีจุดบกพร่องที่สำคัญอยู่ 4 จุด
1. เสียง จ กับ ช (และ ฉ, ฌ) ดันใช้ ch แทนเสียงเหมือนกัน ทั้งๆที่ระบบลอกมาตรฐานมา แต่ดันทิ้ง c ที่แทน จ ซะ ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวคนสับสน ทั้งๆที่ระบบใหม่ไหนๆก็ทำคนสับสนอยู่แล้ว ถ้ายืนยันจะไม่ใช้ c จริงๆ ก็น่าจะลอง j ดู ผิดมาตรฐาน,เสียงไม่ตรง แต่อย่างน้อยคนไทยก็คุ้นเคยพอควร
2. สระออกับสระโอ ใช้ o เหมือนกัน น่าจะใช้ oa แทนสระโอนะครับ
3. ภาษาไทยมีเสียงสระสั้นยาว แต่ระบบที่กำหนดไว้ไม่มี อันที่จริงคนอ่านคงเดาจากบริบทได้ถ้าเป็นประโยคเป็นเรื่องเป็นราว แต่ถ้ามาคำเดียวโดดๆใครจะกล้าฟันธง ขอเสนอให้ใช้ : มากำกับเสียงยาว เช่น ka อ่าน กะ ka: อ่าน กา
4. ระบบที่ว่าไม่มีวรรณยุกต์ อันนี้มึนมาก ไม่รู้คิดได้ไง ทั้งๆที่มีตัวอย่างเวียดนามกับจีนที่เป็นภาษาที่มีวรรณยุกต์เหมือนเราเขาก็ม ีระบบกำกับวรรณยุกต์ในระบบของเขา เพียงแต่จะเขียนหรือไม่ก็ได้ขึ้นอยู่กับความจำเป็น ที่สำคัญบรรพบุรุษไทยตั้งชื่อเสียงวรรณยุกต์เป็นหมายเลขให้เรียบร้อย เอก โท ตรี จัตวา เข้าใจง่ายกว่า อิง หยาง ส่าง ชวี่ ในภาษาจีนเป็นไหนๆ ก็น่าจะกำกับเป็น 1, 2, 3, 4 ได้เลย ติดขัดอยู่นิดนึงตรงเสียงสามัญ มีสองทางเลือกคือ อย่างแรก ไม่ต้องมีสัญญลักษณ์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ดีตรงที่ว่าอาจเกิดการเข้าใจผิดได้ว่าเป็นคำที่เลือกไ ม่กำกับวรรณยุกต์ อีกทางหนึ่งคือใช้เลข 0 แต่ก็อาจจะไปสับสนกับอักษร O ได้ เคยเห็นมาตรฐานที่กำหนดทางคอมพิวเตอร์ใช้ 1-5 แทนไปเลย แต่ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะเสียงเอกแทนด้วยเลข 2 มันขัดตาขัดใจจริงๆ คงต้องฝากให้คิดเป็นการบ้านต่อไป

ลองเขียนดูซิจะได้ความยังไง
lo:ng0 khia:n4 du:0 si3 ja1 dai2 khwa:m0 yang0 ngai0

เขียนแบบไม่กำกับวรรณยุกต์
lo:ng khia:n du: si ja dai khwa:m yang ngai

แบบละทุกอย่าง
long khian du si ja dai khwam yang ngai

แบบมาตรฐานปัจจุบัน
long khian du si cha dai khwam yang ngai

เชิญลองพิจารณาดูเอานะครับ

(เขียน 2006-07-20)

มนุษย์เอ๋ย

ยินข่าวว่าสึนามิมาอีกหน ชีวิตคนหลายร้อยพลอยสลาย
ทำลายล้างบ้านเรือนจนวอดวาย คนที่รอดจากความตายก็ไร้บ้าน
อีกฟากหนึ่งยิวรบเลบานอน สงครามร้อนเร่งรัดผลัดกันผลาญ
ระเบิดร่วงปลิดปลงส่งวิญญาณ เมืองแหลกลาญคนไร้บ้านเพราะมือคน
อันสันดานมนุษย์นี้ก็พิลึก แค่รับศึกธรรมชาติยังขัดสน
ดันอุตริริฆ่ากันให้อับจน ตายเพราะตนเป็นแน่แท้มนุษย์เอ๋ย

โพสต์ไว้ที่ pantip คิดว่าพร้อมจะหายทุกเมื่อ http://www.pantip.com/cafe/writer/topic/W4550247/W4550247.html คุณทิวลิปสีน้ำเงินมาต่อไว้ 2 บท ก็เลยต่อกลับไป 2 บท

ธรรมชาติเป็นเพียงสิ่งที่เป็นอยู่ ธรรมชาติฤารู้จะสร้างสรรค์
ธรรมชาติล้างโลกก็ดุจกัน เกิดมานั้นตั้งอยู่แล้วดับไป
แต่มนุษย์มีปัญญามีความคิด แค่คุมจิตคุมใจคุมไม่ไหว
ปล่อยอำนาจฝ่ายต่ำเข้างำใจ ถึงเกิดได้ไม่ตั้งอยู่ต้องดับเอง

ห ลายๆท่าน (คุณสีน้ำฟ้า, คุณจันทร์แห้ง, คุณสัมผัสรักในใจเรา) ติงว่ามนุษย์ก็เป็นเช่นนี้เอง และก็เป็นมานานแล้ว เลยขยายความต่อเป็นกาพย์ฉบังและโคลงดั้นอีก 1 บท

เพื่อผลประโยชน์ตรงหน้า บางคนเข่นฆ่า
ละสิ้นความดีทั้งหลาย
คิดค้นอาวุธทำลาย ส่งมอบความตาย
จุดหมายคือเพื่อนร่วมโลก
จากมือถือหอกเหงื่อโชก กลางกองกระโหลก
สู่ยุคสงครามข้ามฟ้า
ปากอ้างยึดถือธรรมา มือจับศาสตรา
ปล้นฆ่าหนักหน่วงช่วงชิง

คนดีอาจซาบซึ้ง รสธรรม
หากแต่ในความจริง ที่แท้
คนโฉดชั่วระยำ ยังอยู่
คงเลี่ยงยากแล้วแล้ โลกสูญ ฯ

(เขียน 2006-07-20)

ความทะลึ่งของ Dovecot

ลง Dovecot แทน Courier IMAP สำหรับ virtual mailbox

วันหนึ่ง login เข้าไปเช็กเมล์ผ่าน webmail แต่ไม่มีเมล์มาเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะอย่างน้อยน่าจะมีเมล์จากเพื่อนรักที่ชื่อ SPAM มาบ้าง

เข้าไปดูที่ server ถึงได้เจออะไรพิลึกๆ

Dovecot ดันสร้าง dir ใหม่เป็นชื่อโดเมนและไปสร้าง maildir ในนั้นอีกที

สาเหตุคือตอน login ดันเผลอไปยกแคร่ตัวแรกของชื่อโดเมน

เจ้า Dovecot ปล่อยให้ผ่านตอน login แต่ดันไปสร้าง maildir ใหม่ให้เรียบร้อย พอเช็กเมล์ก็เลยเจอ maildir ที่ว่างเปล่าของอันที่มันสร้างใหม่ขึ้นมา

จัดการลบทิ้งซะแล้วเข้าไปแก้ config ของ Dovecot
auth_username_chars = abcdefghijklmnopqrstuvwxyz01234567890.-_@

บังคับให้ใช้แต่ตัวเล็กก็พอ

restart เสร็จก็หาย

bug พื้นๆแบบนี้นี่มันทะลึ่งจริงๆ

ว่าไหม?

(เขียน 2006-07-19)

PHP กับ Dynamic Extension

ลง PHP ใน server ใหม่ มาเจอว่า PHP ใน Ubuntu ไม่ได้ compile ให้ support GMP ไว้

ไม่อยากเอา source code มา compile ใหม่หมดเพราะขี้เกียจปวดหัวถ้ามันไปกระเทือนกับ config อื่นๆด้วย
งานนี้ก็เลยต้องทำเป็น dynamic extension

download source code มา ระเบิดซะ

cd gmp
phpize
./configure
make install

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็เป็นอันว่าจะได้ gmp.so อยู่ในที่ชอบๆแล้ว

ไปแก้ใน php.ini เพิ่ม

extension=gmp.so

restart apache ใหม่

เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการ

(เขียน 2006-07-19)

วันพุธ, พฤศจิกายน 22, 2549

โคลงจีน

ภาษาไทยกับภาษาจีนมีความคล้ายกันอยู่หลายประการ น่าสงสัยว่าบทกวีของจีนมีฉันทลักษณ์แตกต่างจากของไทยขนาดไหน

ลองค้นดู พอได้ความว่า ฉันทลักษณ์ที่นิยมกันมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังเรียกว่า 近體詩 (จิ้นถี่ซือ) มีแบบแผนที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโคลงประเภทหนึ่ง

ที่ว่าเป็นโคลงนั้นเพราะมีการบังคับเสียงวรรณยุกต์ในแต่ละตำแหน่งด้วย

จิ้นถี่ซือจะมีอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 แบบ รวมเป็น 4 แบบด้วยกัน

กลุ่มแรกของเรียกว่า 律詩 (ลวี่ซือ: ลวี่แปลว่าแบบแผน ซือคือบทกวี)

พอแปลได้ว่าโคลงแบบแผน บทหนึ่งมี 8 วรรค ถ้าวรรคหนึ่งมี 5 คำจะเรียกว่า 五律 (อู่ลวี่: อู่แปลว่าห้า) ถ้าวรรคหนึ่งมี 7 คำก็จะเรียกว่า 七律 (ชีลวี่: ชีแปลว่าเจ็ด)กลุ่มที่สองเรียกว่า 絕句 (เจวี๋ยจวี้) พอแปลได้ว่าโคลงตัด

บทหนึ่งจะมีเพียง 4 วรรค ฉันทลักษณ์จะเหมือนครึ่งแรกของลวี่ซือ มี 2 แบบเช่นเดียวกันคือ 五絕 (อู่เจวี๋ย) และ 七絕 (ชีเจวี๋ย)

ฉันทลักษณ์ของจิ้นถี่ซือจะบังคับ 3 อย่าง

1. สัมผัสสระระหว่างคำท้ายของวรรค 2 และ 4 และในกรณีของของลวี่ซือซึ่งมีบทละ 8 วรรคก็จะบังคับสัมผัสคำท้ายของวรรคที่ 6 และ 8 ด้วย กรณีที่เป็นโคลงตัด อาจมีสัมผัสสระระหว่างคำท้ายวรรคแรกกับวรรค 2 เพิ่มเข้าไปด้วย
2. เสียงวรรณยุกต์ในแต่ละตำแหน่งจะบังคับว่าตำแหน่งไหนต้องเป็นคำสุภาพ(เสียงสามัญ) ตำแหน่งไหนต้องเป็นคำเสียงแปร(คำที่มีเสียงวรรณยุกต์อื่นๆนอกจากเสียงสามัญ)
3. กรณีที่เป็นโคลงแบบแผน จะต้องมีความเท่าเทียบเปรียบเทียบกนได้(ทั้งในเรื่องของเสียง คำ และ ความ) 2 คู่ คือ วรรค 3 กับ 4 และ วรรค 5 กับ 6

ที่น่าสนใจคือในขณะที่จีนปัจจุบันใช้วรรณยุกต์ 4 เสียง

อิง(สามัญ) ,หยาง(จัตวา), ส่าง(เอก), ชวี่(โท)

เสียงวรรณยุกต์จีนโบราณในยุคที่จิ้นถี่ซือรุ่งเรืองจะเป็น

ผิง (สามัญ), ซ่าง (เอก), ชวี่ (โท), รู่ (เทียบกับไทยไม่ถูก แต่ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับเสียงลหุในภาษาไทย)

ก็น่าคิดว่าโคลงไทยที่มีบังคับ สามัญ เอก โท จะมีความเกี่ยวพันอย่างไรกับโคลงจีน

สำหรับเรื่องแบบแผนของโคลงจีนแต่ละแบบนั้นจะต่างกับไทย เพราะจะมีรูปแบบที่เป็นไปได้หลายรูปแบบสำหรับโคลงแบบเดียวกันเอง เลือกหยิบใช้ได้ตามความเหมาะสม

ยกตัวอย่างเช่นโคลงเจ็ดตัดแบบหนึ่ง จะมีแบบแผนฉันทลักษณ์ดังนี้

11 00 01X
00 11 00X
00 11 100
11 00 01X

0 แทนคำสุภาพ (เสียงวรรณยุกต์สามัญ)
1 แทนคำเสียงแปร (เสียงวรรณยุกต์อื่นนอกจากสามัญ)
X แทนคำเสียงแปรที่สัมผัสสระกัน
คำที่ขีดเส้นใต้ ไม่เคร่งครัดการบังคับเสียงวรรณยุกต์

เท่าที่สำรวจดูจากงานของกวีที่มีชื่อเสียงบางบท รู้สึกว่าบังคับวรรณยุกต์นี้ไม่ได้เคร่งครัดนัก และพบสัมผัสในทั้งสัมผัสสระ และสัมผัสพยัญชนะบ้าง แต่ไม่มากมายเหมือนบทกวีของไทยลองแต่งดูสักบท ไม่เคร่งครัดนัก พอให้เห็นภาพ

หยาดฝนหล่นมาคราพี่เศร้า
คร่ำครวญหวนไห้ฤๅคลายเหงา
ดวงดาวส่องแสงเหมือนเตือนใจ
ฝากข่าวตามลมไปสู่เจ้า


ความส่วนใหญ่เก็บมาจาก http://www.poetry-chinese.com/